Stay updated with
the latest trends at Yes! Blog.

โลกการค้าออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว และผู้ประกอบการจำนวนมากกำลังมองหาวิธีที่จะสร้างร้านค้าออนไลน์ของตัวเองโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมหาศาล WooCommerce เป็นตัวเลือกที่โดดเด่นสำหรับเจ้าของธุรกิจที่ต้องการเปิดร้านค้าบนแพลตฟอร์ม WordPress เนื่องจากความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับแต่งที่หลากหลาย   อ่านบทความเพิ่มเติม: WordPress ข้อดี ข้อเสีย มีอะไรบ้าง? ในปี 2025 ยังน่าสนใจอยู่ไหม     WooCommerce คืออะไร?     WooCommerce คือปลั๊กอินอีคอมเมิร์ซสำหรับ WordPress ที่ช่วยแปลงเว็บไซต์ธรรมดาให้กลายเป็นร้านค้าออนไลน์เต็มรูปแบบ เปิดตัวครั้งแรกในปี 2011 โดยบริษัท WooThemes ก่อนที่จะถูกซื้อโดย Automattic บริษัทแม่ของ WordPress.com ในปี 2015     แนะนำปลั๊กอิน WooCommerce WooCommerce ไม่ใช่แค่ปลั๊กอินธรรมดา แต่เป็นระบบอีคอมเมิร์ซที่ครบวงจร เมื่อติดตั้งแล้ว คุณจะได้รับเครื่องมือทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับการบริหารร้านค้าออนไลน์ ตั้งแต่การจัดการสินค้า ระบบชำระเงิน ไปจนถึงรายงานยอดขาย และเมื่อใช้งานร่วมกับ WordPress คุณก็จะสามารถควบคุมร้านค้าได้อย่างเต็มที่ โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านการเขียนโค้ดมากนัก     ทำไม WooCommerce…

เทคโนโลยีเว็บได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เราเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากเว็บไซต์แบบปกติมาเป็นแอปพลิเคชันที่มีความซับซ้อนและตอบสนองผู้ใช้ได้อย่างรวดเร็ว หนึ่งในเทคโนโลยีที่เปลี่ยนโฉมหน้าการพัฒนาเว็บไซต์คือ Single Page Application หรือที่เรารู้จักกันในชื่อย่อว่า SPA     Single Page Application (SPA) คืออะไร     Single Page Application หรือ SPA คือเว็บแอปพลิเคชันที่ทำงานภายในหน้าเว็บเดียวโดยไม่จำเป็นต้องโหลดหน้าใหม่ทั้งหมด ซึ่งแนวคิดหลักคือเน้นการสร้างประสบการณ์ผู้ใช้แบบไหลลื่น คล้ายกับแอปพลิเคชันเดสก์ท็อปหรือแอปพลิเคชันบนมือถือ เพราะ SPA คือการโหลดไฟล์ HTML, JavaScript และ CSS ที่จำเป็นทั้งหมดเพียงครั้งแรกที่ผู้ใช้เข้าถึงเว็บไซต์ หลังจากนั้น เมื่อมีการนำทางหรือโต้ตอบกับเว็บไซต์ ระบบจะอัปเดตเฉพาะเนื้อหาที่เปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องโหลดหน้าใหม่ ทำให้การใช้งานลื่นไหลและมีประสบการณ์คล้ายแอปพลิเคชัน   หลักการทำงานของ SPA กลไกการทำงานของ SPA แตกต่างจากเว็บแบบปกติดังนี้   การโหลดครั้งแรก – เมื่อผู้ใช้เข้าถึงเว็บไซต์ ระบบจะโหลดโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมด รวมถึงไฟล์ JavaScript, CSS และทรัพยากรอื่น ๆ ที่จำเป็น  …

ในยุคที่ธุรกิจออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว การมีเว็บไซต์ขายของเป็นของตัวเองกลายเป็นอาวุธสำคัญสำหรับผู้ประกอบการทุกระดับ แม้คุณจะเป็นมือใหม่ที่ไม่มีความรู้ด้านการเขียนโค้ด คุณก็สามารถสร้างเว็บไซต์ขายของได้ด้วยตัวเอง บทความนี้จะพาคุณเรียนรู้ตั้งแต่เริ่มต้นจนมีเว็บไซต์ที่พร้อมขายสินค้าและสร้างรายได้ให้กับธุรกิจของคุณ     ทำไมธุรกิจออนไลน์ควรมีเว็บไซต์ขายของของตัวเอง     เมื่อพูดถึงการขายสินค้าออนไลน์ หลายคนมักนึกถึงการเปิดร้านบนแพลตฟอร์มตลาดกลางอย่าง Shopee หรือ Lazada แต่การมีเว็บไซต์ขายของเป็นของตัวเองกลับมีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด เพราะการมีเว็บไซต์ของตัวเองเปรียบเสมือนคุณมีบ้านหลังใหญ่บนโลกออนไลน์ที่คุณสามารถออกแบบ ตกแต่ง และจัดการได้ทุกอย่างตามใจ โดยไม่ต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของแพลตฟอร์มใด และได้เป็นเจ้าของทุกอย่าง ตั้งแต่ชื่อโดเมน (Domain Name) ฐานข้อมูลลูกค้า ไปจนถึงประสบการณ์การใช้งานของผู้ซื้อ   เมื่อเปรียบเทียบกับการขายผ่านตลาดกลาง (Marketplace) เว็บไซต์ส่วนตัวมีข้อได้เปรียบหลายด้านไม่ว่าจะเป็นการสร้างความโดดเด่นให้กับแบรนด์ ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเป็นเปอร์เซ็นต์จากยอดขาย ได้เก็บฐานข้อมูลลูกค้าไว้ใช้ทำการตลาดต่อ ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเนื่องจากการมีเว็บไซต์ และได้ออกแบบประสบการ์ซื้อขายอยบ่างอิสระด้วยตัวเอง     ขั้นตอนเตรียมตัวก่อนสร้างเว็บไซต์ขายของ การเตรียมตัวที่ดีเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ ก่อนลงมือสร้างเว็บไซต์ คุณควรวางแผนอย่างรอบคอบในด้านต่าง ๆ ดังนี้   1. กำหนดเป้าหมายและกลุ่มลูกค้า เริ่มต้นด้วยการตั้งคำถามว่าเว็บไซต์ของคุณจะตอบโจทย์ใคร คุณต้องเข้าใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นอายุ เพศ พฤติกรรมการซื้อสินค้าออนไลน์ สิ่งที่ลูกค้าให้ความสำคัญเมื่อซื้อสินค้า เพราะเมื่อเข้าใจกลุ่มเป้าหมายแล้ว คุณจะสามารถออกแบบเว็บไซต์ที่ตรงใจลูกค้าได้มากขึ้น   2….

หากคุณกำลังวางแผนสร้างเว็บไซต์ในปี 2025 คำถามที่มักเกิดขึ้นคือ “WordPress ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ในปัจจุบันหรือไม่? บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจข้อดีและข้อเสียของ WordPress รวมถึงความเหมาะสมในการใช้งานสำหรับปี 2025     WordPress คืออะไร?     WordPress เป็นระบบจัดการเนื้อหา (Content Management System หรือ CMS) ที่เปิดให้ใช้งานฟรีและเป็นโอเพนซอร์ส ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นครั้งแรกในปี 2003 โดย Matt Mullenweg และ Mike Little จากที่เคยเป็นเพียงแพลตฟอร์มสำหรับบล็อกเกอร์ ปัจจุบันได้พัฒนาจนกลายเป็นระบบที่สามารถสร้างเว็บไซต์ได้หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์องค์กร เว็บขายสินค้า พอร์ตโฟลิโอ หรือแม้แต่แอปพลิเคชัน   ความแตกต่างระหว่าง WordPress.com และ WordPress.org หลายคนอาจสับสนระหว่าง WordPress.com และ WordPress.org ซึ่งมีความแตกต่างกันดังนี้   WordPress.org     เป็นเวอร์ชันที่เรียกว่า “self-hosted” คุณต้องจัดการโฮสติ้งและโดเมนเอง แต่ได้อิสระในการควบคุมเว็บไซต์อย่างเต็มที่…

เมื่อพูดถึงการสร้างเว็บไซต์ในปัจจุบัน หลายคนอาจนึกถึงการเขียนโค้ดที่ยุ่งยากและซับซ้อน แต่ความจริงแล้ว เทคโนโลยีได้พัฒนาให้การสร้างเว็บไซต์เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นผ่านระบบที่เรียกว่า CMS หรือ Content Management System ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ที่ไม่มีความรู้ด้านการเขียนโค้ดสามารถสร้างและจัดการเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ     CMS คืออะไร?     CMS หรือระบบจัดการเนื้อหา (Content Management System) คือโปรแกรมที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้าง แก้ไข และจัดการเนื้อหาบนเว็บไซต์ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านการเขียนโค้ด HTML, CSS หรือ JavaScript มากนัก CMS จึงเป็นเสมือนสะพานเชื่อมระหว่างความต้องการในการสร้างเว็บไซต์กับข้อจำกัดด้านความรู้ทางเทคนิค ซึ่งระบบ CMS มักมาพร้อมกับส่วนติดต่อผู้ใช้ที่เป็นมิตร ช่วยให้ผู้ดูแลเว็บไซต์สามารถเพิ่มเนื้อหา รูปภาพ วิดีโอ และองค์ประกอบอื่น ๆ ลงในเว็บไซต์ได้อย่างสะดวก รวมถึงจัดการโครงสร้างเว็บไซต์ ธีม และฟังก์ชันต่าง ๆ ผ่านแผงควบคุมที่ออกแบบมาเพื่อความสะดวกในการใช้งาน     CMS มีประโยชน์ยังไง ระบบ CMS มีประโยชน์มากมายสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างและจัดการเว็บไซต์ เพราะเป็นโปรแกรมที่ใช้งานง่าย โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านการเขียนโค้ด ทำให้สามารถจัดการเนื้อหาได้ด้วยตนเอง…

ในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลกลายเป็นทรัพยากรสำคัญ เจ้าของเว็บไซต์และผู้ประกอบการออนไลน์จำเป็นต้องเข้าใจกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลระดับโลก โดยเฉพาะ GDPR ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจออนไลน์แม้อยู่นอกสหภาพยุโรป บทความนี้จะพาคุณทำความรู้จักกับ GDPR ตั้งแต่หลักการพื้นฐาน ไปจนถึงแนวทางปฏิบัติที่จำเป็นสำหรับเว็บไซต์และธุรกิจออนไลน์     GDPR คืออะไร?     GDPR (General Data Protection Regulation) คือกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรปที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม 2561 แทนที่ Data Protection Directive ซึ่งเป็นกฎหมายฉบับเดิมที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2538 กฎหมายนี้เกิดขึ้นเพราะจำเป็นต้องมีการปรับปรุงให้มีความทันสมัยและรองรับความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี โดยเน้นไปที่การคุ้มครองสิทธิของพลเมืองในการควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของตนเอง   กฎหมายฉบับนี้บังคับใช้กับทุกประเทศสมาชิกในสหภาพยุโรป ได้แก่ ออสเตรีย เบลเยียม บัลแกเรีย โครเอเชีย ไซปรัส สาธารณรัฐเช็ก เดนมาร์ก เอสโตเนีย ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี กรีซ ฮังการี ไอร์แลนด์ อิตาลี ลัตเวีย ลิทัวเนีย ลักเซมเบิร์ก มอลตา เนเธอร์แลนด์…

ในยุคดิจิทัลที่เว็บไซต์กลายเป็นหน้าร้านสำคัญสำหรับธุรกิจทุกประเภท การมีชื่อโดเมนที่ดีถือเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างตัวตนออนไลน์ แต่หลายคนอาจยังสงสัยว่า Domain Name คืออะไร และมีความสำคัญยังไง บทความนี้จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับโดเมนเนมแบบครบถ้วน พร้อมแนะนำวิธีจดโดเมนอย่างง่าย ๆ เพื่อให้คุณเริ่มต้นสร้างเว็บไซต์ได้อย่างมั่นใจ     Domain Name คืออะไร?     Domain Name หรือชื่อโดเมน คือ ชื่อเฉพาะที่ใช้ระบุตัวตนของเว็บไซต์บนอินเทอร์เน็ต เปรียบเสมือนที่อยู่ดิจิทัลที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเว็บไซต์ของคุณได้โดยไม่ต้องจดจำตัวเลข IP Address ที่ซับซ้อน ตัวอย่างเช่น “yeswebdesignstudio.com”   ชื่อโดเมนทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างผู้ใช้กับเซิร์ฟเวอร์ที่เก็บข้อมูลเว็บไซต์ เมื่อคุณพิมพ์ชื่อโดเมนลงในเว็บเบราว์เซอร์ ระบบก็จะแปลงชื่อโดเมนเป็น IP Address โดยอัตโนมัติผ่านระบบ DNS (Domain Name System) เพื่อนำพาคุณไปยังเว็บไซต์ปลายทาง   ทำไมต้องใช้ Domain Name แทน IP Address หากไม่มีระบบชื่อโดเมน ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจะต้องจดจำชุดตัวเลข IP Address ที่มีตัวเลขและตัวอักษรมากมาย ซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับมนุษย์ที่จะจดจำและใช้งาน ชื่อโดเมนจึงถูกสร้างขึ้นเพื่อทำให้การเข้าถึงเว็บไซต์เป็นเรื่องง่าย…

ในยุคดิจิทัลที่การตลาดออนไลน์มีบทบาทสำคัญ เครื่องมือที่ช่วยผลักดันยอดขายอย่าง Sale Page ได้กลายเป็นกลยุทธ์สำคัญสำหรับธุรกิจทุกประเภท แต่หลายคนอาจยังสับสนว่า Sale Page คืออะไรกันแน่ และแตกต่างจาก Landing Page อย่างไร บทความนี้จะพาทุกคนเจาะลึกตั้งแต่ความหมาย วิธีการทำงาน จนถึงเทคนิคการสร้าง Sale Page ที่มีประสิทธิภาพ     Sale Page คืออะไร?     Sale Page หรือหน้าขาย เป็นหน้าเว็บที่ถูกออกแบบขึ้นเพื่อกระตุ้นให้ผู้เข้าชมตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการ โดยรวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่ผู้บริโภคจำเป็นต้องรู้เพื่อตัดสินใจซื้อไว้ในหน้าเดียว ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดสินค้า ประโยชน์ที่จะได้รับ ราคา โปรโมชัน และวิธีการสั่งซื้อ   Sale Page ทำหน้าที่อะไร? วัตถุประสงค์หลักของ Sale Page คือการปิดการขาย (Close Sales) โดยมุ่งเน้นการแปลงผู้เข้าชมให้กลายเป็นลูกค้า ด้วยการนำเสนอข้อมูลที่ครบถ้วนและการจูงใจที่ตรงประเด็น ซึ่งจะต่างจากหน้าเว็บทั่วไปที่อาจมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลหรือสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับแบรนด์   โดย Sale Page ที่มีประสิทธิภาพจะต้องมีคุณสมบัติดังนี้ กระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้อทันที…

Stop letting your competitors outrank you.