WordPress ข้อดี ข้อเสีย มีอะไรบ้าง? ในปี 2025 ยังน่าสนใจอยู่ไหม

บทความโดย Yes Web Design Studio

WordPress ข้อดี ข้อเสีย มีอะไรบ้าง? ในปี 2025 ยังน่าสนใจอยู่ไหม
Table of Contents

หากคุณกำลังวางแผนสร้างเว็บไซต์ในปี 2025 คำถามที่มักเกิดขึ้นคือ “WordPress ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ในปัจจุบันหรือไม่? บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจข้อดีและข้อเสียของ WordPress รวมถึงความเหมาะสมในการใช้งานสำหรับปี 2025

 

 

WordPress คืออะไร?

 

WordPress คืออะไร?

 

WordPress เป็นระบบจัดการเนื้อหา (Content Management System หรือ CMS) ที่เปิดให้ใช้งานฟรีและเป็นโอเพนซอร์ส ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นครั้งแรกในปี 2003 โดย Matt Mullenweg และ Mike Little จากที่เคยเป็นเพียงแพลตฟอร์มสำหรับบล็อกเกอร์ ปัจจุบันได้พัฒนาจนกลายเป็นระบบที่สามารถสร้างเว็บไซต์ได้หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์องค์กร เว็บขายสินค้า พอร์ตโฟลิโอ หรือแม้แต่แอปพลิเคชัน

 

ความแตกต่างระหว่าง WordPress.com และ WordPress.org

หลายคนอาจสับสนระหว่าง WordPress.com และ WordPress.org ซึ่งมีความแตกต่างกันดังนี้

 

WordPress.org

 

ความแตกต่างระหว่าง WordPress.com และ WordPress.org

 

เป็นเวอร์ชันที่เรียกว่า “self-hosted” คุณต้องจัดการโฮสติ้งและโดเมนเอง แต่ได้อิสระในการควบคุมเว็บไซต์อย่างเต็มที่ สามารถติดตั้งปลั๊กอินและธีมได้ไม่จำกัด รวมถึงสามารถปรับแต่งโค้ดได้ตามต้องการ

 

WordPress.com

 

ความแตกต่างระหว่าง WordPress.com และ WordPress.org

 

เป็นบริการที่จัดการโฮสติ้งให้คุณ ง่ายต่อการเริ่มต้น แต่มีข้อจำกัดในแผนฟรี เช่น ไม่สามารถติดตั้งปลั๊กอินเพิ่มเติม หรือปรับแต่งธีมได้อย่างอิสระ หากต้องการฟีเจอร์เพิ่มเติม ต้องอัปเกรดเป็นแพ็กเกจแบบเสียเงิน

 

ทำไม WordPress จึงได้รับความนิยม?

WordPress ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางเนื่องจากปัจจัยหลายประการ ดังนี้

 

ใช้งานง่าย – แม้ไม่มีทักษะการเขียนโค้ด ผู้ใช้ก็สามารถสร้างและจัดการเว็บไซต์ได้

 

ความยืดหยุ่น – สามารถสร้างเว็บไซต์ได้แทบทุกประเภท

 

ชุมชนขนาดใหญ่ – มีนักพัฒนา นักออกแบบ และผู้ใช้มากมายที่คอยแบ่งปันความรู้และสร้างเครื่องมือใหม่ ๆ

 

ฟรีและเปิดกว้าง – สามารถดาวน์โหลดและใช้งาน WordPress.org ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

 

การอัปเดตสม่ำเสมอ – ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ และแก้ไขปัญหาความปลอดภัย

 

 

ใช้ WordPress สร้างเว็บไซต์อะไรได้บ้าง?

WordPress มีความหลากหลายในการใช้งาน สามารถสร้างเว็บไซต์ได้แทบทุกประเภท เช่น

 

บล็อกและเว็บไซต์ข่าว – จุดเริ่มต้นของ WordPress และยังคงเป็นจุดแข็ง

 

เว็บไซต์ธุรกิจและองค์กร – นำเสนอข้อมูลบริษัท บริการ และช่องทางติดต่อ

 

ร้านค้าออนไลน์ – ด้วยปลั๊กอิน WooCommerce ทำให้สร้างร้านค้าออนไลน์ได้อย่างสมบูรณ์

 

พอร์ตโฟลิโอ – สำหรับนักออกแบบ ศิลปิน หรือช่างภาพ

 

ฟอรัมและชุมชนออนไลน์ – สร้างพื้นที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็น

 

เว็บไซต์สมาชิก – ให้บริการเนื้อหาแบบเฉพาะสมาชิก

 

เว็บไซต์จองและนัดหมาย – สำหรับธุรกิจบริการ

 

เว็บไซต์การศึกษา – สร้างคอร์สเรียนออนไลน์หรือแพลตฟอร์มการเรียนรู้

 

 

ข้อดีของ WordPress

 

ใช้งานง่าย ไม่จำเป็นต้องมีความรู้เขียนโค้ด

หนึ่งในจุดแข็งที่ทำให้ WordPress แตกต่างคือความเป็นมิตรกับผู้ใช้ แม้คุณจะไม่มีความรู้ด้านการเขียนโค้ด ก็สามารถสร้างเว็บไซต์ที่มีคุณภาพได้ ด้วยตัวแก้ไขแบบวิชวล (Block Editor หรือ Gutenberg) ทำให้การสร้างและจัดการเนื้อหาเป็นเรื่องง่าย ราวกับการใช้โปรแกรมประมวลผลคำ

 

ในปี 2025 ตัวแก้ไขบล็อกของ WordPress ได้พัฒนาจนสามารถสร้างหน้าเว็บที่ซับซ้อนได้โดยไม่ต้องพึ่งพาปลั๊กอินเสริม เช่น Elementor หรือ Divi เหมือนในอดีต

 

มีปลั๊กอินและธีมให้เลือกมากมาย

หากต้องการฟีเจอร์เพิ่มเติม WordPress มีปลั๊กอินมากกว่า 59,000 รายการในไดเร็กทอรีทางการ และอีกหลายพันรายการจากแหล่งอื่น ๆ ไม่ว่าจะต้องการเพิ่มฟอร์มติดต่อ ระบบการชำระเงิน การสำรองข้อมูล หรือเครื่องมือ SEO ล้วนมีปลั๊กอินให้เลือกใช้

 

ด้านธีมก็มีทั้งแบบฟรีและพรีเมียมให้เลือกมากกว่าหมื่นแบบ ทำให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ของเว็บไซต์ได้ตามต้องการ โดยในปี 2025 ธีมส่วนใหญ่รองรับ Full Site Editing ซึ่งช่วยให้การปรับแต่งทุกส่วนของเว็บไซต์ทำได้ง่ายขึ้น

 

รองรับ SEO ได้ดี เหมาะสำหรับสายทำคอนเทนต์

WordPress ถูกออกแบบให้เป็นมิตรกับเครื่องมือค้นหา ตั้งแต่โครงสร้างโค้ดที่สะอาด การจัดการลิงก์ถาวร จนถึงฟีเจอร์การตั้งค่า meta description และ title tag

 

ปลั๊กอิน SEO ยอดนิยมอย่าง Yoast SEO, Rank Math หรือ All in One SEO Pack ช่วยเพิ่มความสามารถด้านการทำ SEO ให้ WordPress โดยในปี 2025 ปลั๊กอินเหล่านี้ได้บูรณาการ AI เพื่อช่วยวิเคราะห์และปรับปรุงเนื้อหาให้ติดอันดับได้ดียิ่งขึ้น

 

มี Community ขนาดใหญ่คอยช่วยเหลือและแบ่งปันความรู้

ชุมชน WordPress มีขนาดใหญ่และกระตือรือร้น มีฟอรัม กลุ่มในสื่อสังคมออนไลน์ บล็อก และ YouTube ที่นำเสนอบทความแนะนำ วิดีโอสอน และคำตอบสำหรับคำถามต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมี WordPress Meetups และ WordCamps ที่ถูกจัดขึ้นทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทย ซึ่งเป็นโอกาสให้ผู้ใช้ได้พบปะและเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ

 

ประหยัดงบประมาณ เหมาะกับทั้งมือใหม่และ SME

ต้นทุนในการเริ่มต้นใช้งาน WordPress ค่อนข้างต่ำ คุณสามารถดาวน์โหลด WordPress ฟรี จากนั้นค่าใช้จ่ายหลักจะอยู่ที่โฮสติ้งและโดเมน ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการและแพ็กเกจที่เลือก

 

สำหรับธีมและปลั๊กอิน มีตัวเลือกฟรีที่มีคุณภาพดีมากมาย หากต้องการฟีเจอร์พิเศษ ธีมและปลั๊กอินแบบพรีเมียมในราคาที่ถูกกว่าการจ้างพัฒนาเว็บไซต์แบบกำหนดเองมาก

 

รองรับ Responsive Design

WordPress ให้ความสำคัญกับการแสดงผลบนอุปกรณ์ทุกขนาดหน้าจอ ธีมส่วนใหญ่รองรับ responsive design โดยอัตโนมัติ และยังมีเครื่องมือตรวจสอบการแสดงผลบนอุปกรณ์ต่าง ๆ ในตัวแก้ไขเนื้อหา ช่วยให้คุณเห็นภาพรวมว่าเว็บไซต์จะแสดงผลอย่างไรบนคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน

 

อัปเดตอย่างต่อเนื่อง

WordPress ได้รับการอัปเดตอย่างสม่ำเสมอ โดยทีมพัฒนาหลักและชุมชนนักพัฒนา การอัปเดตนี้ครอบคลุมทั้งการปรับปรุงประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ

 

และในปี 2025 WordPress ได้ปรับปรุงระบบการอัปเดตอัตโนมัติ ทำให้การบำรุงรักษาเว็บไซต์ง่ายขึ้น พร้อมระบบแจ้งเตือนที่ชาญฉลาดเมื่อจำเป็นต้องปรับแต่งหรือตรวจสอบบางอย่างหลังอัปเดต

 

ข้อเสียของ WordPress

 

ต้องคอยอัปเดตปลั๊กอินและระบบอยู่เสมอ

การอัปเดตอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับ WordPress หากละเลยการอัปเดต อาจนำไปสู่ปัญหาความเข้ากันได้และความปลอดภัย โดยเฉพาะเมื่อใช้ปลั๊กอินหลายตัว ซึ่งเว็บไซต์ WordPress ที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อนอาจต้องใช้เวลาในการดูแลรักษาไม่น้อย แม้จะมีเครื่องมืออัตโนมัติมาช่วย แต่ก็ควรตรวจสอบและทดสอบหลังการอัปเดต เพื่อให้แน่ใจว่าทุกส่วนยังทำงานได้ตามปกติ

 

อาจมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย หากไม่ดูแลดีพอ

ความนิยมของ WordPress ทำให้มันกลายเป็นเป้าหมายของแฮกเกอร์ เพราะการโจมตีเว็บไซต์ WordPress มักเกิดจากการใช้ปลั๊กอินหรือธีมที่มีช่องโหว่ หรือการไม่อัปเดตระบบให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด

 

การใช้งานปลั๊กอินมากเกินไปอาจทำให้เว็บไซต์ช้า

หนึ่งในปัญหาที่พบบ่อยของเว็บไซต์ WordPress คือความเร็วที่ลดลงเมื่อติดตั้งปลั๊กอินมากเกินไป แต่ละปลั๊กอินจะเพิ่มโค้ด JavaScript และ CSS ทำให้เว็บไซต์โหลดช้าลง

 

ต้องดูแลโฮสติ้ง โดเมน และเรื่องเทคนิคบางส่วนด้วยตัวเอง

เมื่อใช้ WordPress.org คุณต้องจัดการเรื่องโฮสติ้ง โดเมน และการตั้งค่าเทคนิคต่าง ๆ ด้วยตัวเอง ซึ่งอาจเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับด้านเทคนิค

 

งานด้านเทคนิคที่ต้องจัดการ เช่น

  • การตั้งค่า SSL
  • การสำรองข้อมูล
  • การแก้ไขปัญหาเมื่อเว็บไซต์ล่ม
  • การปรับแต่งประสิทธิภาพและความเร็ว
  • การจัดการพื้นที่เก็บข้อมูล

 

การปรับแต่งระดับสูงอาจต้องจ้าง Developer

แม้ WordPress จะปรับแต่งได้มาก แต่หากต้องการฟีเจอร์พิเศษหรือการปรับแต่งเฉพาะทาง ทำให้อาจต้องจ้างนักพัฒนาที่จะทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

 

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

แม้ WordPress จะเป็นระบบฟรี แต่มีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ต้องคำนึงถึง ไม่ว่าจะเป็นค่าโฮสติ้ง ค่าโดเมน ธีมพรีเมียม ปลั๊กอินพรีเมียม และค่าบำรุงรักษา

 

ความเข้ากันได้ของปลั๊กอิน

ปัญหาที่พบบ่อยอีกประการคือความขัดแย้งระหว่างปลั๊กอิน หากปลั๊กอินหลายตัวทำงานไม่เข้ากันก็จะทำทำให้เกิดข้อผิดพลาดหรือทำให้บางฟีเจอร์ไม่ทำงาน ซึ่งการแก้ไขปัญหาความเข้ากันได้อาจต้องใช้เวลาและความเชี่ยวชาญทางเทคนิค บางครั้งอาจต้องเลือกระหว่างการยกเลิกการใช้ปลั๊กอินบางตัว หรือหาทางแก้ไขทางเทคนิคซึ่งอาจซับซ้อน

 

 

ในปี 2025 WordPress ยังน่าสนใจอยู่หรือไม่?

 

วิเคราะห์แนวโน้มการใช้งาน WordPress ในปัจจุบัน

ข้อมูลล่าสุดแสดงว่า WordPress ยังครองส่วนแบ่งตลาด CMS มากกว่า 40% ในปี 2025 แม้จะมีคู่แข่งใหม่ ๆ เข้ามามากขึ้น แต่ WordPress ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตลาดธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

 

การพัฒนาที่สำคัญของ WordPress ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ได้แก่

  • การปรับปรุง Block Editor ให้มีความสามารถมากขึ้น 
  • การพัฒนา Full Site Editing ให้สมบูรณ์
  • การรองรับ Headless CMS ที่ดีขึ้น
  • การปรับปรุงประสิทธิภาพและความเร็ว
  • การรวม AI เข้ากับระบบหลัก

 

ความสามารถในการปรับตัวต่อเทคโนโลยีใหม่

WordPress แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ในปี 2025 มีการพัฒนาที่น่าสนใจ เช่น 

 

การทำงานร่วมกับ AI – WordPress เริ่มรวม AI เข้ากับหลายส่วนของระบบ ทั้งการช่วยเขียนเนื้อหา การปรับแต่งรูปภาพ และการวิเคราะห์ข้อมูลผู้ใช้

 

การรองรับ Headless CMS – WordPress สามารถทำงานเป็น Headless CMS ได้ดีขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้ WordPress เป็นฐานข้อมูลเนื้อหา และใช้เทคโนโลยี frontend อื่น ๆ เช่น React หรือ Vue.js

 

การปรับปรุงประสิทธิภาพ – WordPress ทำงานได้เร็วขึ้นมาก ด้วยการปรับปรุงโค้ดและการให้ความสำคัญกับ Core Web Vitals

 

Block Pattern Directory – ทำให้การออกแบบหน้าเว็บซับซ้อนทำได้ง่ายขึ้น ด้วยการใช้แพทเทิร์นสำเร็จรูป

 

WordPress เหมาะกับใครในยุคดิจิทัลปี 2025

WordPress ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับหลายกลุ่ม

 

ผู้ประกอบการและ SME – ประหยัดงบประมาณ แต่ได้เว็บไซต์ที่มีคุณภาพและปรับแต่งได้

 

นักเขียนและนักสร้างคอนเทนต์ – ระบบจัดการเนื้อหาที่ใช้งานง่าย และรองรับ SEO ได้ดี

 

ร้านค้าออนไลน์ขนาดเล็กถึงกลาง – ด้วย WooCommerce ที่มีความสามารถเทียบเท่าแพลตฟอร์มเฉพาะทาง

 

องค์กรไม่แสวงหากำไร – ประหยัดงบประมาณ แต่มีระบบบริหารจัดการที่ครบถ้วน

 

นักพัฒนาและดีไซเนอร์อิสระ – สร้างเว็บไซต์ให้ลูกค้าได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

 

สำหรับกลุ่มที่อาจไม่เหมาะกับ WordPress

  • บริษัทขนาดใหญ่ที่ต้องการระบบเฉพาะทาง – อาจต้องการ enterprise CMS ที่มีการรองรับและฟีเจอร์เฉพาะทาง
  • ร้านค้าออนไลน์ขนาดใหญ่มาก – ที่มีผลิตภัณฑ์หลายหมื่นรายการ อาจต้องการแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเฉพาะ
  • ผู้ที่ไม่มีเวลาดูแลระบบเลย – อาจเหมาะกับแพลตฟอร์มแบบ all-in-one มากกว่า

 

 

เปรียบเทียบ WordPress กับแพลตฟอร์มอื่นในปี 2025

ในปี 2025 ตลาดแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์มีการแข่งขันสูงขึ้น ผู้ใช้มีตัวเลือกหลากหลาย แต่ละแพลตฟอร์มมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน เราจะเปรียบเทียบ WordPress กับคู่แข่งสำคัญเพื่อช่วยคุณตัดสินใจ

 

WordPress vs Wix

 

Wix

เป็นแพลตฟอร์มสร้างเว็บแบบครบวงจรที่มุ่งเน้นความง่ายในการใช้งาน เหมาะกับผู้เริ่มต้น ราคาแพ็กเกจชัดเจน ไม่มีค่าใช้จ่ายแฝง ไม่ต้องกังวลเรื่องโฮสติ้งและการอัปเดต ตัวเลือกน้อยกว่า แต่ใช้งานง่าย ใช้สำหรับการทำ SEO พื้นฐานได้ง่าย แต่จะปรับแต่งได้น้อยกว่า

 

WordPress

ความยืดหยุ่นสูง ปรับแต่งได้ไม่จำกัด เป็นเจ้าของเว็บไซต์และข้อมูลอย่างสมบูรณ์ ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นต่ำกว่า แต่อาจมีค่าใช้จ่ายแฝง ต้องจัดการโฮสติ้งและการอัปเดตเอง มีปลั๊กอินและธีมมากกว่า ปรับแต่ง SEO ได้ละเอียดกว่า

 

WordPress vs Shopify

 

Shopify

เป็นแพลตฟอร์มเฉพาะทางสำหรับร้านค้าออนไลน์ที่ครบวงจร พร้อมใช้งานทันที มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมในแต่ละการขาย ผู้ใช้สามารถปรับแต่งได้ในขอบเขตที่กำหนด มีระบบความปลอดภัยระดับสูงพร้อมใช้เหมาะกับร้านค้าที่ต้องการความง่ายและรวดเร็วงาน แต่อาจมีประสิทธิภาพลดลงหากมีสินค้ามากเกินไป

 

WordPress + WooCommerce

จุดเด่นคือควบคุมร้านค้าได้ดีกว่าและมีค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมต่ำกว่า สามารถปรับแต่งหน้าร้านได้ไม่จำกัด แต่ต้องดูแลรักษาและปรับแต่งความปลอดภัยเอง เหมาะกับร้านค้าที่ต้องการฟีเจอร์พิเศษเฉพาะทางที่รองรับสินค้าจำนวนมาก

 

WordPress vs Webflow

 

Webflow

เป็นแพลตฟอร์มที่มุ่งเน้นด้านการออกแบบและความเป็นมืออาชีพ เหมาะกับนักออกแบบที่ต้องการควบคุมการออกแบบอย่างละเอียด มีความซับซ้อนในการเรียนรู้เริ่มต้น ราคาแพงกว่า โดยเฉพาะสำหรับเว็บขนาดใหญ่ ธีมและโมดูลน้อยกว่า แต่มีคุณภาพสูง การออกแบบอิสระแบบไม่มีข้อจำกัด

 

WordPress

เหมาะกับทั้งนักออกแบบและบุคคลทั่วไป ติดตั้งและเริ่มต้นได้ง่าย ราคาเริ่มต้นถูกกว่า ธีมและปลั๊กอินมากมายที่อาจสร้างข้อจำกัดในด้านการออกแบบ

 

เลือกแพลตฟอร์มให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ

 

WordPress

  • ธุรกิจที่ต้องการความยืดหยุ่นและการควบคุมเต็มรูปแบบ
  • บล็อกและเว็บไซต์เน้นเนื้อหา
  • SME ที่มีงบประมาณจำกัดแต่ต้องการเว็บไซต์เติบโตได้
  • ธุรกิจที่มีทีมงานหรือสามารถจ้างผู้เชี่ยวชาญดูแลระบบ

 

Wix

  • ธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการเว็บไซต์สวยงาม เริ่มต้นได้ง่าย
  • ผู้ประกอบการรายเดียวที่ไม่มีทักษะทางเทคนิค
  • ธุรกิจบริการที่ต้องการระบบจองง่าย ๆ

 

Shopify 

  • ร้านค้าออนไลน์ที่ต้องการเริ่มต้นอย่างรวดเร็ว
  • ธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับระบบการขายและการชำระเงินที่ปลอดภัย
  • ผู้ค้าที่ไม่ต้องการจัดการด้านเทคนิคและความปลอดภัยเอง

 

Webflow

  • นักออกแบบและครีเอทีฟที่ต้องการอิสระในการออกแบบ
  • บริษัทที่ต้องการเว็บไซต์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์สูง
  • สตาร์ทอัพที่ต้องการเว็บไซต์ระดับมืออาชีพโดยไม่ต้องเขียนโค้ด

 

 

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

 

WordPress ใช้ฟรีจริงหรือไม่?

WordPress.org เป็นซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สที่ดาวน์โหลดและใช้งานฟรี แต่มีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่จำเป็น เช่นค่าโดเมน ค่าโฮสติ้ง และธีมและปลั๊กอินพรีเมียม 

 

ส่วน WordPress.com มีทั้งแผนฟรีและแผนเสียเงิน โดยแผนฟรีมีข้อจำกัดหลายอย่าง เช่น ไม่สามารถติดตั้งปลั๊กอินหรือธีมเพิ่มเติม และมีโฆษณาของ WordPress อยู่บนเว็บไซต์

 

ต้องมีพื้นฐานด้านโปรแกรมมิ่งหรือไม่?

คุณไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานด้านการเขียนโปรแกรม เพื่อใช้งาน WordPress ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยตัวแก้ไข Block Editor (Gutenberg) และปลั๊กอินสร้างหน้าเว็บแบบลากวาง ทำให้คุณสามารถสร้างเว็บไซต์ที่มีคุณภาพได้โดยไม่ต้องแตะโค้ด แต่อย่างไรก็ตาม การมีความรู้พื้นฐานด้าน HTML และ CSS จะช่วยให้คุณปรับแต่งเว็บไซต์ได้มากขึ้น และเมื่อต้องการฟีเจอร์ซับซ้อนหรือเฉพาะทาง อาจจำเป็นต้องจ้างนักพัฒนา WordPress เพื่อช่วยในการปรับแต่ง

 

ย้ายจาก WordPress ไปใช้ระบบอื่นได้หรือไม่?

คำตอบคือ ย้ายได้ เพราะ WordPress มีเครื่องมือส่งออกข้อมูลที่ช่วยให้คุณสามารถย้ายเนื้อหาไปยังแพลตฟอร์มอื่นได้ แม้จะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็จะช่วยให้กระบวนการง่ายขึ้นมาก

 

ขั้นตอนพื้นฐานในการย้ายออกจาก WordPress

  1. ส่งออกเนื้อหาจาก WordPress (โพสต์, หน้า, รูปภาพ)
  2. ส่งออกฐานข้อมูลสำหรับข้อมูลอื่น ๆ
  3. นำเข้าเนื้อหาเหล่านี้ไปยังแพลตฟอร์มใหม่
  4. ปรับแต่งการออกแบบและโครงสร้างหน้าเว็บ

 

แพลตฟอร์มส่วนใหญ่มีเครื่องมือหรือคู่มือสำหรับการนำเข้าเนื้อหาจาก WordPress โดยเฉพาะ เนื่องจากเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมสูง

 

 

ควรใช้ WordPress หรือไม่?

 

คำแนะนำตามประเภทของผู้ใช้งาน

 

เหมาะสำหรับ

เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กถึงกลาง
WordPress ให้ความสมดุลที่ดีระหว่างค่าใช้จ่าย ความยืดหยุ่น และความสามารถในการเติบโต คุณสามารถเริ่มต้นด้วยงบประมาณจำกัด และขยายเว็บไซต์ตามการเติบโตของธุรกิจ

 

นักเขียนและนักสร้างคอนเทนต์
WordPress ถูกออกแบบมาเพื่อการจัดการเนื้อหาโดยเฉพาะ ทำให้การเขียน แก้ไข และจัดหมวดหมู่เนื้อหาทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมรองรับ SEO ได้อย่างดีเยี่ยม

 

ผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง
หากคุณต้องการเว็บไซต์ที่สามารถเติบโตและปรับตัวได้ตามความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป WordPress เป็นตัวเลือกที่ดี เนื่องจากสามารถปรับแต่งได้ไม่จำกัด

 

ผู้ที่มีงบประมาณจำกัด
WordPress.org เป็นหนึ่งในวิธีที่ประหยัดที่สุดในการสร้างเว็บไซต์คุณภาพสูง โดยมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นต่ำ

 

ไม่เหมาะสำหรับ

ผู้ที่ไม่มีเวลาเรียนรู้หรือดูแลระบบ
WordPress ต้องการการดูแลและบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ หากคุณไม่มีเวลาหรือความสนใจในด้านนี้ แพลตฟอร์มแบบ all-in-one อาจเหมาะสมกว่า

 

ผู้ที่ต้องการเว็บไซต์เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
แม้ WordPress จะเริ่มต้นได้ไม่ยาก แต่การปรับแต่งให้ได้ตามต้องการอาจใช้เวลา บางแพลตฟอร์มอาจให้ผลลัพธ์ที่เร็วกว่าด้วยเทมเพลตสำเร็จรูป

 

ธุรกิจใหญ่ที่ต้องการระบบเฉพาะทาง
องค์กรขนาดใหญ่ที่มีความต้องการซับซ้อนอาจต้องการโซลูชัน Enterprise CMS ที่ออกแบบมาเฉพาะ

 

ข้อควรพิจารณาก่อนตัดสินใจเลือกแพลตฟอร์ม

  1. งบประมาณ – คำนวณทั้งค่าใช้จ่ายเริ่มต้นและระยะยาว รวมถึงค่าใช้จ่ายสำหรับพัฒนาและบำรุงรักษา
  2. ทรัพยากรและความเชี่ยวชาญ – ประเมินว่าคุณมีเวลาหรือทีมงานสำหรับการดูแลเว็บไซต์หรือไม่
  3. ความต้องการในอนาคต – คิดถึงการเติบโตและความต้องการในอนาคต ไม่ใช่แค่ความต้องการปัจจุบัน
  4. ความเฉพาะของธุรกิจ – บางธุรกิจต้องการฟีเจอร์เฉพาะทางที่อาจไม่มีในแพลตฟอร์มทั่วไป
  5. การบูรณาการกับระบบอื่น – พิจารณาว่าเว็บไซต์ต้องเชื่อมต่อกับระบบอื่นๆ หรือไม่ เช่น CRM, ระบบบัญชี หรือ POS

 

 

สรุป

WordPress ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีในปี 2025 สำหรับผู้ที่ต้องการสร้างเว็บไซต์ที่มีความยืดหยุ่น ควบคุมได้ และมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นต่ำ แม้จะมีข้อจำกัดด้านการบำรุงรักษาและความปลอดภัยที่ต้องใส่ใจ แต่เมื่อพิจารณาถึงความสามารถที่ได้รับ WordPress ยังคงให้ความคุ้มค่าสูงสำหรับหลายธุรกิจและบุคคล ดังนั้น ไม่ว่าจะเลือกใช้แพลตฟอร์มใด คุณภาพของเนื้อหาและประสบการณ์ผู้ใช้ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในความสำเร็จของเว็บไซต์ในยุคดิจิทัล

 

หากคุณกำลังมองหาทีมงานมืออาชีพที่เชี่ยวชาญด้านการทำเว็บไซต์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าของคุณ Yes Web Design Studio พร้อมช่วยคุณ เราเป็นบริษัทเว็บดีไซน์แนวหน้าในไทยที่ให้บริการรับทำเว็บไซต์ WordPress และรับทําเว็บไซต์ e-commerce ครบวงจร รวมไปถึงบริการรับทำ SEO และการตลาดออนไลน์ด้วยเช่นกัน

 

 

 

 

Yes Web Design Studio
Tel. : 096-879-5445
LINE : @yeswebdesign
E-mail : [email protected]
Address : ชั้น 17 อาคารวิทยกิตติ์ ถนนพญาไท วังใหม่ ปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 (สถานี BTS สยาม)

มีโปรเจกต์ในใจแล้วใช่ไหม ?