Web Hosting คืออะไร ใช้ทำอะไรได้บ้าง เลือกยังไงดี?

บทความโดย Yes Web Design Studio

Web Hosting คืออะไร ใช้ทำอะไรได้บ้าง เลือกยังไงดี?
Table of Contents

ทุกครั้งที่เราเข้าชมเว็บไซต์อาจจะเคยสงสัยกันว่าพวกรูปภาพ วิดีโอ และข้อมูลต่าง ๆ ถูกเก็บไว้ที่ไหน? คำตอบก็คือ “Web Hosting” หรือบริการพื้นที่จัดเก็บเว็บไซต์นั่นเอง หากคุณกำลังวางแผนสร้างเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเพื่อธุรกิจ ร้านค้าออนไลน์ หรือบล็อกส่วนตัว การเข้าใจเรื่อง Web Hosting ก็คือจุดเริ่มต้นสำคัญที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณประสบความสำเร็จ บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ Web Hosting อย่างละเอียด ตั้งแต่ความหมาย วิธีการทำงาน ไปจนถึงเคล็ดลับการเลือก Host ที่เหมาะกับความต้องการของคุณ

 

 

Web Hosting คืออะไร?

 

Web Hosting คืออะไร?

 

Web Hosting คือบริการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเว็บไซต์บนเซิร์ฟเวอร์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตตลอด 24 ชั่วโมง เปรียบเสมือน “บ้าน” ของเว็บไซต์ที่เก็บไฟล์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นรหัส HTML รูปภาพ วิดีโอ ฐานข้อมูล และองค์ประกอบอื่น ๆ ของเว็บไซต์

 

เมื่อผู้ใช้พิมพ์ชื่อเว็บไซต์ในเบราว์เซอร์ เซิร์ฟเวอร์ของผู้ให้บริการ Hosting จะส่งข้อมูลเหล่านี้ไปแสดงผลที่หน้าจอของผู้ใช้ ทำให้เว็บไซต์สามารถเข้าถึงได้จากทุกที่ทั่วโลก

 

 

ทำไมเว็บไซต์ต้องใช้ Hosting?

 

เหตุผลที่เว็บไซต์ต้องมี Hosting ดังนี้

 

ความพร้อมใช้งานตลอดเวลา – เซิร์ฟเวอร์ของผู้ให้บริการ Hosting ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้เว็บไซต์สามารถเข้าชมได้ทุกเวลา

 

 

ประสิทธิภาพและความเร็ว – เซิร์ฟเวอร์มืออาชีพมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ทำให้เว็บไซต์โหลดได้เร็วกว่าการใช้คอมพิวเตอร์ส่วนตัว

 

 

ความปลอดภัย – ผู้ให้บริการ Hosting มีระบบรักษาความปลอดภัย การสำรองข้อมูล และการป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์

 

 

ทรัพยากรเฉพาะทาง – มีระบบจัดการฐานข้อมูล อีเมล์ และเครื่องมือพัฒนาเว็บไซต์ที่จำเป็น

 

 

 

Web Hosting ทำงานอย่างไร?

 

ความสัมพันธ์ระหว่าง Domain กับ Hosting

 

Domain Name (ชื่อโดเมน) และ Web Hosting เป็นสองสิ่งที่ต้องทำงานควบคู่กัน แต่มีหน้าที่แตกต่างกัน

 

Domain Name คืออะไร? สิ่งนี้เปรียบเสมือน “ที่อยู่” หรือ “ชื่อร้าน” เช่น www.yeswebdesignstudio.com  ที่ผู้คนใช้เข้าถึงเว็บไซต์

 

Web Hosting คือ “อาคาร” หรือ “พื้นที่จริง” ที่เก็บไฟล์และข้อมูลทั้งหมดของเว็บไซต์

 

เมื่อผู้ใช้พิมพ์ชื่อโดเมนในเบราว์เซอร์ DNS (Domain Name System) จะแปลงชื่อโดเมนให้เป็นที่อยู่ IP ของเซิร์ฟเวอร์ที่จัดเก็บเว็บไซต์ของคุณ

 

 

ขั้นตอนการแสดงผลเว็บไซต์ผ่าน Hosting

 

กระบวนการแสดงผลเว็บไซต์มีขั้นตอนดังนี้

 

  1. ผู้ใช้พิมพ์ URL ในเบราว์เซอร์ (เช่น www.yeswebdesignstudio.com)
  2. เบราว์เซอร์ส่งคำขอไปยัง DNS เพื่อแปลงชื่อโดเมนเป็นที่อยู่ IP
  3. DNS ส่งกลับที่อยู่ IP ของเซิร์ฟเวอร์ที่จัดเก็บเว็บไซต์
  4. เบราว์เซอร์ส่งคำขอไปยังเซิร์ฟเวอร์นั้น
  5. เซิร์ฟเวอร์ประมวลผลคำขอและส่งไฟล์เว็บกลับมา
  6. เบราว์เซอร์แสดงผลเว็บไซต์ให้ผู้ใช้เห็น

 

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในเสี้ยววินาที ทำให้การเข้าชมเว็บไซต์เป็นไปอย่างราบรื่น

 

 

ประเภทของ Web Hosting มีอะไรบ้าง?

 

Shared Hosting

 

ประเภทของ Web Hosting - Shared Hosting

 

Shared Hosting คือการที่หลายเว็บไซต์ใช้ทรัพยากรบนเซิร์ฟเวอร์เดียวกัน เหมือนการอยู่อพาร์ทเมนต์ที่มีผู้เช่าหลายราย แต่ละเว็บไซต์จะได้รับส่วนแบ่งของ CPU, RAM และพื้นที่เก็บข้อมูล เหมาะสำหรับเว็บไซต์ขนาดเล็กถึงกลาง บล็อกส่วนตัว เว็บไซต์ธุรกิจขนาดเล็ก หรือผู้เริ่มต้นที่มีงบประมาณจำกัด

 

VPS Hosting

 

ประเภทของ Web Hosting - VPS Hosting

 

VPS (Virtual Private Server) Hosting ใช้เทคโนโลยีเสมือนเพื่อแบ่งเซิร์ฟเวอร์กายภาพเป็นเซิร์ฟเวอร์เสมือนหลายเครื่อง แต่ละ VPS มีทรัพยากรที่จัดสรรแน่นอนและแยกจากกัน เหมือนทาวน์เฮ้าส์ที่มีพื้นที่ส่วนตัวมากกว่าอพาร์ทเมนต์ เหมาะสำหรับเว็บไซต์ขนาดกลางที่มีผู้เข้าชมปานกลาง ร้านค้าออนไลน์ขนาดเล็กถึงกลาง แอปพลิเคชันเว็บที่ต้องการความเสถียร หรือเว็บไซต์ที่ต้องการการกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์เอง

 

Dedicated Hosting

 

ประเภทของ Web Hosting - Dedicated Hosting

 

Dedicated Hosting คือการเช่าเซิร์ฟเวอร์ทั้งเครื่องสำหรับเว็บไซต์เดียว เปรียบเสมือนบ้านเดี่ยวที่คุณเป็นเจ้าของทุกส่วน ให้อิสระในการจัดการและปรับแต่งอย่างเต็มที่ เหมาะสำหรับเว็บไซต์ขนาดใหญ่ที่มีผู้เข้าชมจำนวนมาก ร้านค้าออนไลน์ขนาดใหญ่ แอปพลิเคชันที่ต้องการประสิทธิภาพสูง หรือเว็บไซต์ที่ต้องการความปลอดภัยระดับสูง

 

Cloud Hosting

 

ประเภทของ Web Hosting - Cloud Hosting

 

Hosting นี้ใช้เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์จำนวนมากทำงานร่วมกัน ทำให้สามารถปรับขนาดทรัพยากรได้ตามความต้องการแบบทันที เหมือนมีบ้านหลายหลังที่ขยายหรือหดได้ตามการใช้งาน เหมาะสำหรับเว็บไซต์ที่มีปริมาณผู้เข้าชมไม่แน่นอน ธุรกิจที่คาดว่าจะเติบโตอย่างรวดเร็ว เว็บไซต์ที่ต้องการความพร้อมใช้งานสูง โปรเจกต์ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการปรับขนาด

 

WordPress Hosting

 

ประเภทของ Web Hosting - WordPress Hosting

 

เป็น Hosting ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับเว็บไซต์ WordPress มาพร้อมกับการติดตั้ง WordPress ล่วงหน้า ปลั๊กอินที่จำเป็น และการตั้งค่าที่เหมาะสมที่สุด เหมาะสำหรับบล็อกเกอร์ นักเขียนเนื้อหา เว็บไซต์ธุรกิจขนาดเล็กถึงกลาง หรือผู้ที่ไม่มีความรู้ด้านเทคนิคมากนัก

 

อ่านบทความเพิ่มเติม : WordPress ข้อดี ข้อเสีย มีอะไรบ้าง? ในปี 2025 ยังน่าสนใจอยู่ไหม

 

 

ข้อดี-ข้อเสียของแต่ละประเภท Hosting

 

ด้านความเร็ว

 

Shared Hosting

 

ข้อดี: เพียงพอสำหรับเว็บไซต์ขนาดเล็ก

ข้อเสีย: ความเร็วอาจลดลงเมื่อเว็บไซต์อื่นบนเซิร์ฟเวอร์เดียวกันมีการใช้งานหนัก

 

VPS Hosting

 

ข้อดี: ความเร็วคงที่กว่า เนื่องจากมีทรัพยากรที่จัดสรรแน่นอน

ข้อเสีย: อาจยังไม่เร็วเท่า Dedicated หากมีการตั้งค่าไม่เหมาะสม

 

Dedicated Hosting

 

ข้อดี: ความเร็วสูงสุด เนื่องจากใช้ทรัพยากรทั้งหมดของเซิร์ฟเวอร์

ข้อเสีย: ต้องมีความรู้ในการปรับแต่งเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

 

Cloud Hosting

 

ข้อดี: ความเร็วสามารถปรับเพิ่มได้ทันทีตามความต้องการ

ข้อเสีย: ประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการและการกระจายโหลด

 

WordPress Hosting

 

ข้อดี: ปรับแต่งมาให้ WordPress ทำงานได้เร็วที่สุด

ข้อเสีย: อาจไม่เหมาะกับเว็บไซต์ที่ไม่ได้ใช้ WordPress

 

ด้านความปลอดภัย

 

Shared Hosting

 

ข้อดี: ผู้ให้บริการจัดการความปลอดภัยพื้นฐาน

ข้อเสีย: เว็บไซต์อื่นบนเซิร์ฟเวอร์เดียวกันอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัย

 

VPS Hosting

 

ข้อดี: แยกส่วนจากเว็บไซต์อื่น ลดความเสี่ยงจากผู้ใช้ร่วม

ข้อเสีย: ต้องดูแลความปลอดภัยบางส่วนด้วยตนเอง

 

Dedicated Hosting

 

ข้อดี: ควบคุมความปลอดภัยได้เต็มที่

ข้อเสีย: ต้องรับผิดชอบการรักษาความปลอดภัยทั้งหมด

 

Cloud Hosting

 

ข้อดี: มีความทนทานต่อการล้มเหลว เนื่องจากข้อมูลกระจายอยู่หลายเซิร์ฟเวอร์

ข้อเสีย: ต้องพึ่งพามาตรฐานความปลอดภัยของผู้ให้บริการ

 

WordPress Hosting

 

ข้อดี: มาพร้อมการป้องกันภัยคุกคามที่มุ่งเป้าไปที่ WordPress โดยเฉพาะ

ข้อเสีย: อาจจำกัดการติดตั้งปลั๊กอินบางตัวเพื่อรักษาความปลอดภัย

 

ด้านค่าใช้จ่าย

 

Shared Hosting

 

ข้อดี: ราคาถูกที่สุด

ข้อเสีย: คุณภาพและบริการอาจไม่ดีนัก

 

VPS Hosting

 

ข้อดี: คุ้มค่าเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพ

ข้อเสีย: ราคาเพิ่มขึ้นตามทรัพยากรที่ต้องการ

 

Dedicated Hosting

 

ข้อดี: ได้ทรัพยากรเต็มที่

ข้อเสีย: ราคาสูง 

 

Cloud Hosting

 

ข้อดี: จ่ายตามการใช้งานจริง

ข้อเสีย: หากมีการใช้งานสูง ค่าใช้จ่ายอาจเพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิด

 

WordPress Hosting

 

ข้อดี: คุ้มค่าสำหรับเว็บไซต์ WordPress โดยเฉพาะ

ข้อเสีย: อาจมีราคาสูงกว่า Shared Hosting ทั่วไป

 

ด้านการขยายตัวในอนาคต (Scalability)

 

Shared Hosting

 

ข้อดี: เหมาะสำหรับเริ่มต้น

ข้อเสีย: ขยายตัวได้จำกัด ต้องย้ายไปแพ็กเกจที่สูงขึ้นหรือเปลี่ยนประเภท Hosting

 

VPS Hosting

 

ข้อดี: สามารถเพิ่มทรัพยากรได้ค่อนข้างง่าย

ข้อเสีย: มีขีดจำกัดของเซิร์ฟเวอร์กายภาพ

 

Dedicated Hosting

 

ข้อดี: ปรับแต่งและอัพเกรดฮาร์ดแวร์ได้

ข้อเสีย: การขยายต้องเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งอาจยุ่งยาก

 

Cloud Hosting

 

ข้อดี: ขยายได้แทบไม่มีขีดจำกัด ทั้งแนวตั้งและแนวนอน

ข้อเสีย: ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตามการขยายตัว

 

WordPress Hosting

 

ข้อดี: มักมีแพ็กเกจหลายระดับให้เลือก

ข้อเสีย: การขยายตัวอาจถูกจำกัดด้วยการใช้งาน WordPress เท่านั้น

 

 

Web Hosting กับ SEO

 

การเลือก Web Hosting ไม่ได้ส่งผลเพียงต่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยของเว็บไซต์เท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบโดยตรงต่อการจัดอันดับใน Google และเสิร์ชเอนจินอื่น ๆ ด้วย 

 

ความเร็วเว็บไซต์กับอันดับใน Google

 

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Google ได้ให้ความสำคัญกับความเร็วของเว็บไซต์มากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการเปิดตัว Core Web Vitals ซึ่งวัดประสบการณ์ผู้ใช้งานด้านความเร็ว การโต้ตอบ และความเสถียรของหน้าเว็บ

 

Web Hosting ที่มีประสิทธิภาพจะช่วยปรับปรุงค่า Core Web Vitals ของคุณ

 

Largest Contentful Paint (LCP): LCP คือความเร็วในการโหลดเนื้อหาหลัก

First Input Delay (FID): เวลาที่เว็บไซต์ตอบสนองต่อการโต้ตอบครั้งแรกของผู้ใช้

Cumulative Layout Shift (CLS): CLS คือความเสถียรของเลย์เอาต์หน้าเว็บ

 

เว็บไซต์ที่โหลดเร็วมีแนวโน้มที่จะได้รับการจัดอันดับที่ดีกว่า มีอัตราการออกจากเว็บต่ำกว่า และสร้างประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีกว่า ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยสำคัญในการจัดอันดับ SEO

 

ที่ตั้งเซิร์ฟเวอร์และความเกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมาย

 

หากกลุ่มเป้าหมายของคุณอยู่ในประเทศไทย การเลือกเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยหรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะช่วยให้เว็บไซต์โหลดเร็วขึ้นสำหรับผู้ใช้ในพื้นที่ เพราะ Google มักจะจัดอันดับเว็บไซต์ที่มาจากเซิร์ฟเวอร์ในประเทศนั้น ๆ ให้สูงกว่าสำหรับการค้นหาในประเทศนั้น

 

เวลา Uptime และผลกระทบต่อ SEO

 

Google ให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ หากเว็บไซต์ของคุณล่มบ่อย หรือไม่สามารถเข้าถึงได้เมื่อ Google crawler พยายามเข้ามาตรวจสอบ จะส่งผลเสียต่อการจัดอันดับ

 

ใบรับรอง SSL และความเชื่อมั่นจาก Google

 

Google ประกาศอย่างชัดเจนว่า HTTPS เป็นปัจจัยในการจัดอันดับ ดังนั้นผู้ให้บริการ Hosting ที่ดีควรมีใบรับรอง SSL ฟรีหรือในราคาที่เหมาะสม ซึ่งเว็บไซต์ที่ใช้ HTTPS จะแสดงเครื่องหมายกุญแจสีเขียวหรือคำว่า “ปลอดภัย” บนเบราว์เซอร์ ทำให้ผู้ใช้มีแนวโน้มที่จะเชื่อถือและใช้เวลาบนเว็บไซต์ที่ปลอดภัยมากกว่า ซึ่งส่งผลดีต่อ SEO

 

 

วิธีเลือก Web Hosting ให้เหมาะกับเว็บไซต์ของคุณ

 

พิจารณาตามประเภทเว็บไซต์

 

เว็บไซต์ธุรกิจทั่วไป

 

  • หากเป็นธุรกิจขนาดเล็ก Shared Hosting หรือ WordPress Hosting อาจเพียงพอ
  • ธุรกิจขนาดกลาง ควรพิจารณา VPS Hosting เพื่อความเสถียร
  • ธุรกิจขนาดใหญ่ ควรเลือก Dedicated หรือ Cloud Hosting เพื่อรองรับการเติบโต

 

เว็บไซต์ E-Commerce

 

  • ร้านค้าขนาดเล็ก อาจเริ่มด้วย Shared Hosting ที่มีการรองรับ SSL
  • ร้านค้าขนาดกลาง ควรใช้ VPS หรือ Cloud เพื่อรองรับการเติบโตของรายการสินค้า
  • ร้านค้าขนาดใหญ่ ควรพิจารณา Dedicated หรือ Cloud ที่มีประสิทธิภาพสูง

 

บล็อกหรือเว็บไซต์ส่วนตัว

 

  • บล็อกทั่วไป Shared Hosting หรือ WordPress Hosting เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม
  • บล็อกที่มีผู้เข้าชมมาก ควรพิจารณา VPS เพื่อรองรับปริมาณการเข้าชม

 

ตรวจสอบทรัพยากรที่รองรับ

 

RAM และ CPU

 

  • พิจารณาว่าเว็บไซต์ต้องการการประมวลผลมากแค่ไหน เช่น หากมีการคำนวณซับซ้อนหรือฐานข้อมูลขนาดใหญ่ จำเป็นต้องมี RAM มากขึ้น

 

พื้นที่จัดเก็บข้อมูล

 

  • เว็บไซต์ที่มีรูปภาพและวิดีโอจำนวนมาก ต้องการพื้นที่จัดเก็บมากกว่า
  • พิจารณาประเภทของพื้นที่จัดเก็บ (HDD vs SSD) เนื่องจาก SSD จะเร็วกว่ามาก

 

แบนด์วิดท์

 

  • ประเมินปริมาณผู้เข้าชมและข้อมูลที่ต้องส่งผ่านเครือข่าย
  • เว็บไซต์ที่มีวิดีโอหรือไฟล์ดาวน์โหลดต้องการแบนด์วิดท์มากกว่า

 

บริการเสริมและการซัพพอร์ต

 

ระบบสำรองข้อมูล

 

  • ตรวจสอบว่ามีการสำรองข้อมูลอัตโนมัติหรือไม่ และบ่อยแค่ไหน
  • มีระบบกู้คืนข้อมูลที่ใช้งานง่ายหรือไม่

 

การซัพพอร์ต

 

  • มีช่องทางติดต่อหลากหลายหรือไม่ (แชท, อีเมล, โทรศัพท์)
  • ให้บริการ 24/7 หรือเฉพาะเวลาทำการ
  • มีบริการที่ปรึกษาหรือช่วยแก้ปัญหาเฉพาะทางหรือไม่

 

ระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์

 

  • รองรับภาษาโปรแกรมมิ่งที่คุณต้องการใช้หรือไม่ (PHP, Node.js, Ruby, Python)
  • มีระบบจัดการเว็บไซต์ที่ใช้งานง่ายหรือไม่ (cPanel, Plesk)

 

ความน่าเชื่อถือของผู้ให้บริการ

 

ประวัติและชื่อเสียง

 

  • บริษัทให้บริการมานานเท่าไร
  • มีลูกค้าที่เป็นที่รู้จักหรือไม่

 

SLA (Service Level Agreement)

 

  • มีการรับประกันความพร้อมใช้งาน (Uptime) เท่าไร (มาตรฐานอยู่ที่ 99.9%)
  • มีนโยบายชดเชยหากไม่เป็นไปตาม SLA หรือไม่

 

สถานที่ตั้งของเซิร์ฟเวอร์

 

  • เซิร์ฟเวอร์ตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้กับกลุ่มเป้าหมายของคุณหรือไม่
  • มีศูนย์ข้อมูลในหลายภูมิภาคหรือไม่

 

 

ข้อแนะนำในการเปรียบเทียบผู้ให้บริการ Hosting

 

เช็ครีวิวจากผู้ใช้งานจริง

 

การอ่านรีวิวจากผู้ใช้งานจริงช่วยให้เห็นภาพรวมของคุณภาพบริการ เช่น เว็บไซต์รีวิวเทคโนโลยี หรือฟอรั่มต่าง ๆ สังเกตความคิดเห็นเกี่ยวกับความเสถียร ความเร็ว และคุณภาพการซัพพอร์ต และดูว่ามีการร้องเรียนซ้ำ ๆ ในเรื่องใดบ้าง

 

ทดลองใช้งานหรือรับประกันคืนเงิน

 

ผู้ให้บริการที่มั่นใจในคุณภาพมักเสนอระยะเวลาทดลองใช้งาน (Free Trial) และการรับประกันคืนเงิน (Money-back Guarantee) ภายใน 30 วันหรือมากกว่า ซึ่งใช้โอกาสนี้ทดสอบความเร็วของเว็บไซต์ ความง่ายในการใช้งานแผงควบคุม และคุณภาพของการซัพพอร์ตได้

 

ความยืดหยุ่นของแพ็กเกจ

 

พิจารณาว่าผู้ให้บริการมีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนแพ็กเกจหรือไม่ เช่นสามารถอัพเกรดได้ง่ายเมื่อธุรกิจเติบโต มีค่าธรรมเนียมในการย้ายแพ็กเกจหรือไม่ มีการผูกมัดสัญญาระยะยาวหรือไม่

 

 

สรุป

 

การเลือก Web Hosting ที่เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อความสำเร็จของเว็บไซต์คุณ เพราะแต่ละเว็บไซต์มีความต้องการที่แตกต่างกัน และสิ่งสำคัญคือการประเมินความต้องการของคุณอย่างถูกต้อง ทั้งในด้านทรัพยากร งบประมาณ และแผนการเติบโตในอนาคต เริ่มต้นด้วยแพ็กเกจที่เหมาะสมกับขนาดและความต้องการปัจจุบัน แต่เลือกผู้ให้บริการที่

 

หากคุณกำลังมองหาทีมงานมืออาชีพที่เชี่ยวชาญด้านการรับทำเว็บไซต์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าของคุณ Yes Web Design Studio พร้อมช่วยคุณ เราเป็นบริษัทเว็บดีไซน์แนวหน้าในไทยที่ให้บริการรับทำเว็บไซต์ WordPress และรับทําเว็บไซต์ e-commerce ครบวงจร รวมไปถึงบริการรับทำ SEO และการตลาดออนไลน์ด้วยเช่นกัน

 

Yes Web Design Studio
Tel. : 096-879-5445
LINE : @yeswebdesign
E-mail : [email protected]
Address : ชั้น 17 อาคารวิทยกิตติ์ ถนนพญาไท วังใหม่ ปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 (สถานี BTS สยาม)

มีโปรเจกต์ในใจแล้วใช่ไหม ?