Largest Contentful Paint (LCP) คืออะไร? ส่งผลกับความเร็วเว็บไหม

บทความโดย Yes Web Design Studio

บทความ Largest Contentful Paint (LCP) คืออะไร
Table of Contents

ความเร็วในการโหลดเว็บไซต์เป็นสิ่งที่สำคัญและมีผลโดยตรงต่อประสบการณ์ของผู้ใช้งานและการจัดอันดับใน Google โดย LCP หรือ Largest Contentful Paint เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญที่ช้ในการประเมินความเร็วและประสิทธิภาพของเว็บไซต์ บทความนี้จะพาคุณทำความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรวัดนี้ ตั้งแต่ความหมาย ความสำคัญ วิธีการตรวจสอบ ไปจนถึงวิธีปรับปรุงให้เว็บไซต์ของคุณโหลดเร็วขึ้น

 

 

LCP คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญ

 

LCP คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญ

รูปภาพจาก : James E. Olaogun

 

หนึ่งในมาตรวัดใน Core Web Vitals ที่ Google พัฒนาขึ้นเพื่อประเมินประสิทธิภาพของเว็บไซต์ โดยมุ่งเน้นไปที่ประสบการณ์ของผู้ใช้งานเป็นหลัก และใช้เป็นตัวชี้วัดที่บ่งบอกถึงระยะเวลาที่ใช้ในการแสดงผลเนื้อหาบนหน้าเว็บในมุมมองที่ผู้ใช้งานเห็นได้ทันที (Viewport) โดยไม่ต้องเลื่อนลงมา ซึ่งเนื้อหาที่มีขนาดใหญ่นี้อาจเป็นรูปภาพ วิดีโอ หรือบล็อกข้อความขนาดใหญ่ที่ปรากฏบนหน้าเว็บ

 

LCP ทำงานอย่างไร และวัดค่าอย่างไร

Largest Contentful Paint จะวัดระยะเวลาโหลดหน้าเว็บเมื่อผู้ใช้งานเข้าชมเว็บไซต์ โดยเบราว์เซอร์จะเริ่มดาวน์โหลดและแสดงผลเนื้อหาต่าง ๆ ซึ่งการวัดค่า LCP จะคำนวณจากระยะเวลาเป็นมิลลิวินาที โดยเริ่มนับเวลาตั้งแต่ที่ผู้ใช้งานเริ่มเข้าชมหน้าเว็บ จนกระทั่งเนื้อหาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดถูกแสดงผลบนหน้าจอ

 

LCP สำคัญอย่างไรต่อประสบการณ์ผู้ใช้และ SEO

ตัวชี้วัดนี้มีความสำคัญเนื่องจากเป็นตัวที่บ่งบอกถึงความเร็วในการโหลดเนื้อหาที่ผู้ใช้งานสามารถมองเห็นได้ ซึ่งมีผลโดยตรงต่อประสบการณ์การใช้งาน หากเว็บไซต์ที่มีค่า LCP สูง (โหลดช้า) จะทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกหงุดหงิดและอาจปิดเว็บไซต์ก่อนที่เนื้อหาจะโหลดเสร็จ ทำให้อัตราการตีกลับ (Bounce Rate) สูงขึ้น

 

แต่ในทางกลับกัน ถ้าเว็บไซต์มีค่า LCP ต่ำ (โหลดเร็ว) จะช่วยเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งาน ทำให้ผู้ใช้งานอยู่บนเว็บไซต์นานขึ้น และเพิ่มโอกาสในการแปลงเป็นลูกค้า (Conversion) ซึ่งในด้าน SEO นั้น ค่า LCP เป็นปัจจัยที่ Google ใช้ในการประเมินคุณภาพเว็บไซต์ ซึ่งมีผลต่อการจัดอันดับในผลการค้นหา

 

 

LCP มีผลต่อความเร็วเว็บและการจัดอันดับ Google อย่างไร

 

หนึ่งใน Core Web Vitals ที่ Google ใช้ประเมินคุณภาพเว็บ

Core Web Vitals เป็นชุดของตัวชี้วัดที่ Google ใช้ประเมินประสิทธิภาพของเว็บไซต์ โดยประกอบด้วย 3 ตัวชี้วัดหลัก ได้แก่

 

Core Web Vitals

รูปภาพจาก : WEBENSO

 

Largest Contentful Paint (LCP) – วัดความเร็วในการโหลดเนื้อหา

 

First Input Delay (FID) – วัดความเร็วในการตอบสนองต่อการกระทำของผู้ใช้งาน

 

Cumulative Layout Shift (CLS) – วัดความเสถียรของการแสดงผลเนื้อหา

 

ในบรรดา Core Web Vitals ทั้งหมด มาตรวัดตัวนี้นับว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นตัวชี้วัดที่บ่งบอกถึงความเร็วในการโหลดเนื้อหาที่ผู้ใช้งานสามารถมองเห็นได้ ซึ่งเป็นปัจจัยแรกที่ผู้ใช้งานสัมผัสได้เมื่อเข้าชมเว็บไซต์

 

ทำไม LCP ที่เร็วถึงช่วยเพิ่มอันดับ SEO

Google ได้ประกาศอย่างชัดเจนว่า Core Web Vitals เป็นปัจจัยในการจัดอันดับเว็บไซต์ หากเว็บไซต์ที่มีคะแนน Core Web Vitals ที่ดี จะได้เปรียบในการจัดอันดับบนผลการค้นหาของ Google นอกจากนี้ ค่า LCP ที่เร็วช่วยเพิ่มอันดับ SEO ด้วยเหตุผลหลายประการ ดังนี้

 

เพิ่มประสบการณ์ผู้ใช้งาน

เว็บไซต์ที่โหลดเร็วจะช่วยมอบประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน ทำให้ผู้ใช้งานอยู่บนเว็บไซต์นานขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวกที่ Google ใช้ในการจัดอันดับ

 

ลดอัตราการตีกลับ

เว็บไซต์ที่โหลดเร็วจะช่วยลดอัตราการตีกลับ (Bounce Rate) ซึ่งเป็นปัจจัยที่ Google ใช้ประเมินคุณภาพเว็บไซต์

 

เพิ่มการแปลงเป็นลูกค้า

เว็บไซต์ที่โหลดเร็วจะเพิ่มโอกาสในการแปลงเป็นลูกค้า (Conversion) ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของธุรกิจออนไลน์

 

สร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง

ในกรณีที่เว็บไซต์ของคุณและคู่แข่งมีคุณภาพเนื้อหาที่ใกล้เคียงกัน เว็บไซต์ที่มีค่า LCP ที่ดีกว่าจะได้เปรียบในการจัดอันดับ

 

 

วิธีตรวจสอบและวัดค่า LCP ของเว็บไซต์

 

เครื่องมือสำหรับตรวจสอบ

มีเครื่องมือหลายตัวที่คุณสามารถใช้ตรวจสอบค่า LCP ของเว็บไซต์ได้

 

Google PageSpeed Insights – เครื่องมือที่ใช้งานง่ายและฟรี ให้ข้อมูลเกี่ยวกับค่า LCP ของเว็บไซต์ พร้อมคำแนะนำในการปรับปรุง

 

Lighthouse – เครื่องมือที่ติดตั้งมาพร้อมกับ Google Chrome สามารถตรวจสอบค่า LCP และตัวชี้วัดอื่น ๆ ได้อย่างละเอียด

 

Search Console – เครื่องมือของ Google ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของเว็บไซต์ รวมถึงค่า LCP และ Core Web Vitals อื่น ๆ

 

Chrome User Experience Report (CrUX) – ให้ข้อมูลเกี่ยวกับประสบการณ์ของผู้ใช้งานจริงที่เข้าชมเว็บไซต์

 

WebPageTest – เครื่องมือที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประสิทธิภาพของเว็บไซต์ รวมถึงค่า LCP

 

วิธีอ่านค่า LCP และวิเคราะห์ผลลัพธ์

เมื่อคุณใช้เครื่องมือตรวจสอบแล้ว คุณจะได้รับข้อมูลที่แสดงเป็นมิลลิวินาที โดยค่า LCP ที่ดีควรอยู่ภายใน 2.5 วินาที หรือน้อยกว่า

 

Google แบ่งระดับคะแนนออกเป็น 3 ระดับ ดังนี้

น้อยกว่าหรือเท่ากับ 2.5 วินาที = ดี (Good)

อยู่ระหว่าง 2.5 – 4.0 วินาที = ต้องปรับปรุง (Needs Improvement)

มากกว่า 4.0 วินาที = แย่ (Poor)

 

ในบรรดา Core Web Vitals ทั้งหมด มาตรวัดตัวนี้นับว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นตัวชี้วัดที่บ่งบอกถึงความเร็วในการโหลดเนื้อหาที่ผู้ใช้งานสามารถมองเห็นได้ ซึ่งเป็นปัจจัยแรกที่ผู้ใช้งานสัมผัสได้เมื่อเข้าชมเว็บไซต์

 

ทำไม LCP ที่เร็วถึงช่วยเพิ่มอันดับ SEO

Google ได้ประกาศอย่างชัดเจนว่า Core Web Vitals เป็นปัจจัยในการจัดอันดับเว็บไซต์ หากเว็บไซต์ที่มีคะแนน Core Web Vitals ที่ดี จะได้เปรียบในการจัดอันดับบนผลการค้นหาของ Google นอกจากนี้ ค่า LCP ที่เร็วช่วยเพิ่มอันดับ SEO ด้วยเหตุผลหลายประการ ดังนี้

 

เพิ่มประสบการณ์ผู้ใช้งาน

เว็บไซต์ที่โหลดเร็วจะช่วยมอบประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน ทำให้ผู้ใช้งานอยู่บนเว็บไซต์นานขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวกที่ Google ใช้ในการจัดอันดับ

 

ลดอัตราการตีกลับ

เว็บไซต์ที่โหลดเร็วจะช่วยลดอัตราการตีกลับ (Bounce Rate) ซึ่งเป็นปัจจัยที่ Google ใช้ประเมินคุณภาพเว็บไซต์

 

เพิ่มการแปลงเป็นลูกค้า

เว็บไซต์ที่โหลดเร็วจะเพิ่มโอกาสในการแปลงเป็นลูกค้า (Conversion) ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของธุรกิจออนไลน์

 

สร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง

ในกรณีที่เว็บไซต์ของคุณและคู่แข่งมีคุณภาพเนื้อหาที่ใกล้เคียงกัน เว็บไซต์ที่มีค่า LCP ที่ดีกว่าจะได้เปรียบในการจัดอันดับ

 

 

วิธีตรวจสอบและวัดค่า LCP ของเว็บไซต์

 

เครื่องมือสำหรับตรวจสอบ

มีเครื่องมือหลายตัวที่คุณสามารถใช้ตรวจสอบค่า LCP ของเว็บไซต์ได้

 

Google PageSpeed Insights – เครื่องมือที่ใช้งานง่ายและฟรี ให้ข้อมูลเกี่ยวกับค่า LCP ของเว็บไซต์ พร้อมคำแนะนำในการปรับปรุง

 

 

Lighthouse – เครื่องมือที่ติดตั้งมาพร้อมกับ Google Chrome สามารถตรวจสอบค่า LCP และตัวชี้วัดอื่น ๆ ได้อย่างละเอียด

 

 

Search Console – เครื่องมือของ Google ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของเว็บไซต์ รวมถึงค่า LCP และ Core Web Vitals อื่น

 

 

Chrome User Experience Report (CrUX) – ให้ข้อมูลเกี่ยวกับประสบการณ์ของผู้ใช้งานจริงที่เข้าชมเว็บไซต์

 

 

WebPageTest – เครื่องมือที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประสิทธิภาพของเว็บไซต์ รวมถึงค่า LCP

 

 

 

 

วิธีอ่านค่า LCP และวิเคราะห์ผลลัพธ์

เมื่อคุณใช้เครื่องมือตรวจสอบแล้ว คุณจะได้รับข้อมูลที่แสดงเป็นมิลลิวินาที โดยค่า LCP ที่ดีควรอยู่ภายใน 2.5 วินาที หรือน้อยกว่า

 

Google แบ่งระดับคะแนนออกเป็น 3 ระดับ ดังนี้

 

น้อยกว่าหรือเท่ากับ 2.5 วินาที = ดี (Good)

 

อยู่ระหว่าง 2.5 – 4.0 วินาที = ต้องปรับปรุง (Needs Improvement)

 

มากกว่า 4.0 วินาที = แย่ (Poor)

 

นอกจากนี้ เครื่องมือบางตัวยังแสดงข้อมูลเพิ่มเติมอีกด้วย เช่น เนื้อหาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่มีผลต่อค่า LCP ปัญหาที่พบ และคำแนะนำในการปรับปรุง

 

ซึ่งในการวิเคราะห์ผลลัพธ์ คุณควรพิจารณาว่าค่า LCP ของเว็บไซต์อยู่ในระดับใด และมีปัจจัยใดบ้างที่ทำให้ค่าสูง เพื่อที่จะได้หาวิธีปรับปรุงได้อย่างตรงจุด

 

 

วิธีปรับปรุงคะแนน LCP ให้เว็บไซต์โหลดเร็วขึ้น

การปรับปรุงคะแนน LCP เป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณโหลดเร็วขึ้น และส่งผลดีต่อประสบการณ์ผู้ใช้งานและ SEO ซึ่งการปรับปรุงคะแนนสามารถทำได้ดังนี้ 

 

ปรับปรุงเซิร์ฟเวอร์และเวลาตอบสนอง

ใช้เซิร์ฟเวอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง รวมถึงใช้บริการ CDN (Content Delivery Network) เพื่อกระจายเนื้อหาให้ใกล้กับผู้ใช้งานมากขึ้น และปรับแต่งฐานข้อมูลให้มีประสิทธิภาพ

 

ปรับปรุงการโหลดทรัพยากร

บีบอัดและลดขนาดของไฟล์ CSS และ JavaScript โดยใช้เทคนิค Lazy Loading สำหรับรูปภาพและวิดีโอ เพื่อลดจำนวนของการเรียกใช้ HTTP และปรับปรุงการแคช

 

ปรับปรุงภาพและเนื้อหาที่มีขนาดใหญ่

ใช้รูปแบบไฟล์ที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น WebP แทนรูปแบบเดิม ไม่ว่าจะเป็น JPEG หรือ PNG โดยบีบอัดรูปภาพโดยไม่ลดคุณภาพมากเกินไป 

 

จัดการกับการบล็อกการแสดงผล

โหลด JavaScript แบบ asynchronous หรือ defer เพื่อลดการใช้งาน JavaScript ที่ไม่จำเป็น รวมถึงแยกไฟล์ CSS และ JavaScript เป็นส่วนที่สำคัญและไม่สำคัญ

 

ใช้เทคนิคการแสดงผลล่วงหน้า

ใช้ Preload, Prefetch และ Preconnect เพื่อโหลดทรัพยากรที่สำคัญก่อน ใช้ Critical CSS เพื่อแสดงผลเนื้อหาที่สำคัญก่อน

 

ปรับปรุงโค้ดเว็บไซต์

ลดการใช้งาน Plugin ที่ไม่จำเป็น ใช้ Minify CSS และ JavaScript ปรับปรุงโค้ด HTML ให้มีความซับซ้อนน้อยที่สุด 

 

ปรับปรุงการโหลดฟอนต์

ใช้ Font Display เพื่อแสดงผลฟอนต์ที่มีอยู่ก่อน รวมถึงใช้ Preload สำหรับฟอนต์ที่สำคัญ และลดจำนวนรูปแบบฟอนต์ที่ใช้

 

ปรับปรุงการรีเฟรชเว็บไซต์อัตโนมัติ

ลดการใช้งาน Slider หรือแบนเนอร์ที่เปลี่ยนแปลงอัตโนมัติ ใช้เทคนิคการแสดงผลที่ไม่ต้องโหลดเนื้อหาใหม่ทั้งหมด

 

ทดสอบและติดตามผล

ใช้เครื่องมือตรวจสอบประสิทธิภาพเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอ ทดสอบเว็บไซต์บนอุปกรณ์และเบราว์เซอร์ทีหลากหลาย รวมถึงติดตามการเปลี่ยนแปลงของค่า LCP ติดตามการเปลี่ยนแปลงของ Google เกี่ยวกับ Core Web Vitals และปรับปรุงเว็บไซต์ให้เป็นไปตามแนวทางที่ Google แนะนำ

 

 

สรุป

LCP เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญที่บ่งบอกถึงประสิทธิภาพของเว็บไซต์ในแง่ของความเร็วในการโหลดเนื้อหา โดยเป็นหนึ่งใน Core Web Vitals ที่ Google ใช้ประเมินคุณภาพเว็บไซต์และมีผลต่อการจัดอันดับ ซึ่งการปรับปรุงค่าให้อยู่ในระดับที่ดี (น้อยกว่า 2.5 วินาที) จะช่วยเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งาน ลดอัตราการตีกลับ เพิ่มโอกาสในการแปลงเป็นลูกค้า และสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่งในการจัดอันดับ SEO

 

ดังนั้น หากมีการตรวจสอบและปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีประสิทธิภาพที่ดีอยู่เสมอ และทำให้ธุรกิจออนไลน์ของคุณประสบความสำเร็จในระยะยาว หากเว็บไซต์ของคุณไม่มี Traffic เข้ามาเลย ดูไม่น่าใช้งาน หรือต้องการทำเว็บไซต์ใหม่ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าของคุณ สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของ Yes Web Design Studio ได้เลย เราเป็นบริษัทเว็บดีไซน์แนวหน้าในไทย รับทำเว็บไซต์ครบวงจร ซึ่งรวมไปถึงบริการรับทำ SEO และการตลาดออนไลน์ด้วยเช่นกัน

 

 

 

 

Yes Web Design Studio
Tel. : 096-879-5445
LINE : @yeswebdesign
E-mail : [email protected]
Address : ชั้น 17 อาคารวิทยกิตติ์ ถนนพญาไท วังใหม่ ปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 (สถานี BTS สยาม)

มีโปรเจกต์ในใจแล้วใช่ไหม ?