Online Marketing คืออะไร ต่างจากดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งยังไงบ้าง

บทความโดย Yes Web Design Studio

Online Marketing คืออะไร ต่างจากดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งยังไงบ้าง
Table of Contents

ในยุคที่อินเทอร์เน็ตกลายเป็นส่วนสำคัญของชีวิตประจำวัน การทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์จึงเป็นสิ่งที่ธุรกิจทุกประเภทต้องให้ความสนใจ หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า “Online Marketing” และ “Digital Marketing” ซึ่งดูคล้ายกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทั้งสองคำนี้มีความหมายและขอบเขตที่แตกต่างกัน บทความนี้จะพาทุกคนไปรู้จักถึงความแตกต่าง และกลยุทธ์การทำการตลาดที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ

 

 

Online Marketing คืออะไร?

 

Online Marketing คืออะไร?

รูปภาพจาก : Directive

 

Online Marketing หรือการตลาดออนไลน์ หมายถึง การใช้แพลตฟอร์มที่อยู่บนอินเทอร์เน็ตเพื่อโปรโมตสินค้าและบริการ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย อีเมล หรือโฆษณาบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ซึ่งจุดเด่นของการตลาดออนไลน์คือสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แบบเรียลไทม์ และสามารถวัดผลได้อย่างแม่นยำ

ซึ่งกลยุทธ์หลักประกอบด้วยการตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย การทำอีเมลมาร์เก็ตติ้ง และการสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจ ธุรกิจสามารถสร้างการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์ ขยายฐานลูกค้า และเพิ่มยอดขายได้อย่างเป็นระบบ โดยเทคนิคที่นิยมใช้ เช่น การทำ SEO (Search Engine Optimization) เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับบน Google การใช้ Social Media Marketing ผ่านแพลตฟอร์มอย่าง Facebook หรือ Instagram รวมถึงการโฆษณาแบบ Pay-Per-Click (PPC) เช่น Google Ads

 

 

Digital Marketing คืออะไร?

Digital Marketing เป็นแนวทางการตลาดที่กว้างกว่า และใช้สื่อดิจิทัลเป็นหลัก ซึ่งไม่ได้จำกัดแค่แพลตฟอร์มที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการตลาดผ่านช่องทางอื่น ๆ เช่น การโฆษณาผ่านจอ LED ขนาดใหญ่ในเมือง หรือการส่งข้อความ SMS ไปยังลูกค้า 

 

และจุดแข็งของการตลาดดิจิทัลคือสามารถนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อเข้าถึงลูกค้าในรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น เช่น การใช้ AI วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค หรือการทำ Personalized Marketing ผ่านระบบอัตโนมัติ

 

 

Online Marketing vs. Digital Marketing

 

Online Marketing vs. Digital Marketing

รูปภาพจาก : BONOBOZ

 

แม้ว่า Online Marketing จะเป็นส่วนหนึ่งของ Digital Marketing แต่ทั้งสองแนวทางนี้มีก็มีขอบเขตที่แตกต่างกัน

 

Online Marketing

การตลาดออนไลน์ครอบคลุมช่องทางที่เชื่อมต่อผ่านอินเทอร์เน็ตโดยตรง ประกอบด้วยเว็บไซต์และแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ โซเชียลมีเดีย และช่องทางการสื่อสารออนไลน์ ซึ่งกลยุทธ์การทำการตลาดออนไลน์สามารถทำได้ดังนี้

  • การตลาดเชิงเนื้อหา (Content Marketing)
  • การค้นหาและเพิ่มอันดับเว็บไซต์ (SEO)
  • การตลาดผ่านอีเมล
  • การตลาดโซเชียลมีเดีย
  • การตลาดแบบมีอิทธิพล (Influencer Marketing)

 

ซึ่งการตลาดออนไลน์จะมุ่งเน้นไปที่การสร้างการมีส่วนร่วมออนไลน์ วิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้อินเทอร์เน็ต สร้างเนื้อหาที่น่าสนใจและมีคุณค่า เพิ่มการเข้าถึงและการแปลงสภาพ

Digital Marketing

การตลาดดิจิทัลมีขอบเขตที่กว้างกว่า ครอบคลุมช่องทางดิจิทัลทั้งหมด ซึ่งช่องทางออนไลน์เช่นเดียวกับ Online Marketing และช่องทางดิจิทัลอื่น ๆ เช่น แอปพลิเคชันมือถือ ป้าย LED Billboard, SMS, MMS หรือเทคโนโลยีเสมือนจริง (AR/VR) ซึ่งกลยุทธ์การทำการตลาดดิจิทัลสามารถทำได้ เช่น การตลาดแบบครบวงจร การตลาดข้ามแพลตฟอร์ม การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ การตลาดแบบมีเป้าหมายเฉพาะเจาะจงและการตลาดผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่

 

สรุปได้ว่า Online Marketing เป็นส่วนหนึ่งของ Digital Marketing โดยจะเน้นเฉพาะการสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ต ในขณะที่ Digital Marketing มีขอบเขตกว้างกว่า ครอบคลุมช่องทางการสื่อสารดิจิทัลทั้งหมด 

 

 

ประโยชน์ของ Online Marketing มีอะไรบ้าง?

การตลาดออนไลน์เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงลูกค้าผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถขยายโอกาสทางการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนี่คือประโยชน์สำคัญที่ธุรกิจจะได้รับจาก Online Marketing

 

เข้าถึงลูกค้าเก่า ขยายฐานลูกค้าใหม่ ช่วยเพิ่มยอดขาย

Online Marketing ช่วยให้ธุรกิจสามารถสื่อสารและเข้าถึงลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นผ่าน Social Media เว็บไซต์ หรืออีเมล ทำให้ลูกค้าสามารถค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการได้ทันทีที่ต้องการ เพิ่มโอกาสสร้างยอดขายและขยายฐานลูกค้า นอกจากนี้ ธุรกิจยังสามารถเข้าถึงลูกค้าใหม่ ๆ ได้อย่างต่อเนื่องผ่านการทำ SEO, Social Media Marketing, Email Marketing และแพลตฟอร์มอื่น ๆ

 

สร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ได้รวดเร็ว

ด้วยพลังของแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Facebook, Instagram, TikTok และ Google ธุรกิจสามารถเพิ่มการรับรู้แบรนด์ในกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านโฆษณาออนไลน์และคอนเทนต์ที่น่าสนใจ

 

ประหยัดค่าใช้จ่ายเมื่อเทียบกับการตลาดแบบดั้งเดิม

Online Marketing มีตัวเลือกโฆษณาที่สามารถปรับแต่งงบประมาณได้ เช่น Google Ads หรือ Facebook Ads ธุรกิจสามารถลงทุนตามงบประมาณที่มี และยังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างยืดหยุ่น

 

วัดผลได้ง่ายและนำข้อมูลไปพัฒนาต่อได้

ช่วยให้ธุรกิจสามารถวัดผลลัพธ์ได้อย่างแม่นยำผ่านเครื่องมือวิเคราะห์ เช่น Google Analytics หรือ Facebook Insights ซึ่งช่วยให้ธุรกิจเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าและนำไปปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

 

ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาดได้ทันที

หากแคมเปญโฆษณาไม่ได้ผล หรือแนวโน้มตลาดเปลี่ยนแปลง ธุรกิจสามารถปรับกลยุทธ์ได้ทันที เช่น การเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมาย ปรับข้อความโฆษณา หรือเปลี่ยนรูปแบบการโปรโมตสินค้า

 

รองรับพฤติกรรมการซื้อของลูกค้าในยุคดิจิทัล

ปัจจุบันลูกค้านิยมค้นหาข้อมูลสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ก่อนตัดสินใจซื้อ Online Marketing ช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองพฤติกรรมนี้ได้ผ่านการทำคอนเทนต์ให้ข้อมูล รีวิวสินค้า และโฆษณาที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า

 

สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างธุรกิจกับลูกค้า

ธุรกิจสามารถสื่อสารกับลูกค้าได้โดยตรง สร้างความสัมพันธ์ระยะยาว และเพิ่มโอกาสให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น Social Media, Email Marketing และแชทบอท 

 

Online Marketing ไม่เพียงแต่ช่วยให้ธุรกิจขยายตลาดได้กว้างขึ้น แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารและสร้างโอกาสทางการขายได้อย่างมหาศาลในยุคดิจิทัล

 

 

กลยุทธ์การทำ Online Marketing ให้ได้ผลในปี 2025

ในปี 2025 เทรนด์ของ Online Marketing มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจที่ต้องการประสบความสำเร็จควรให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ต่อไปนี้

 

Social Media Marketing

สร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพื่อดึงดูดและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ติดตาม โดยเฉพาะ แพลตฟอร์มอย่าง Facebook, Instagram, TikTok, Twitter (X), LinkedIn และ YouTube ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย โดยธุรกิจสามารถใช้โซเชียลมีเดียเพื่อโพสต์คอนเทนต์ โฆษณา และตอบกลับข้อความจากลูกค้าได้ และการสร้างคอนเทนต์ที่ดึงดูดและสามารถสร้าง Engagement ได้สูงจะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขาย

 

Search Engine Marketing (SEM) และ SEO (Search Engine Optimization)

SEM – การทำโฆษณาผ่านเสิร์ชเอนจิน คือการซื้อโฆษณาบนแพลตฟอร์มเสิร์ชเอนจิน เช่น Google Ads เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับต้นๆ บนหน้าผลการค้นหา

 

SEO คือ การปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับบน Google คือการพัฒนาเนื้อหาและโครงสร้างเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับอัลกอริทึมของเสิร์ชเอนจิน เพื่อเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ติดอันดับโดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณา

 

Influencer Marketing

การทำการตลาดร่วมกับ Influencer และ KOL ในโลกออนไลน์เป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเพื่อขยายฐานลูกค้า การตลาดรูปแบบนี้ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและกระตุ้นให้ผู้ติดตามของ Influencer สนใจสินค้า

 

Display Advertising (โฆษณาแบนเนอร์และรูปภาพบนเว็บไซต์)

การใช้โฆษณาในรูปแบบแบนเนอร์ วิดีโอ หรือภาพโฆษณา บนเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Google Display Network (GDN), YouTube Ads และ Facebook Ads เพื่อเพิ่มการรับรู้แบรนด์และดึงดูดลูกค้าเป้าหมาย

 

Affiliate Marketing (การตลาดแบบพันธมิตร)

การใช้เครือข่ายพันธมิตร เช่น บล็อกเกอร์ เว็บไซต์รีวิว หรือแพลตฟอร์มแนะนำสินค้า เพื่อช่วยโปรโมตสินค้า โดยธุรกิจจะจ่ายค่าคอมมิชชันให้กับพันธมิตรเมื่อมีการขายเกิดขึ้นผ่านลิงก์ที่แชร์ไป

 

Chatbot Marketing และ Conversational Marketing

การใช้ แชทบอท หรือ AI เพื่อช่วยตอบคำถามและให้บริการลูกค้าแบบเรียลไทม์ผ่านแพลตฟอร์มอย่าง Facebook Messenger, LINE OA และ WhatsApp การตลาดแบบโต้ตอบ (Conversational Marketing) ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้

 

E-commerce Marketing (การตลาดผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ)

การใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เช่น Shopee, Lazada หรือ TikTok Shop ในการขายสินค้าและทำโฆษณาภายในแพลตฟอร์ม การตลาดประเภทนี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว

 

 

สรุป

Online Marketing และ Digital Marketing มีความเกี่ยวข้องกัน แต่ก็มีความแตกต่างที่สำคัญ Online Marketing เน้นที่แพลตฟอร์มออนไลน์เป็นหลัก ขณะที่ Digital Marketing ครอบคลุมการตลาดในรูปแบบที่กว้างขึ้น

 

ธุรกิจที่ต้องการทำตลาดในยุคดิจิทัลควรเลือกกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับเป้าหมายของตนเอง การใช้ Social Media Marketing, SEO, Influencer Marketing และโฆษณาออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้สามารถสร้างแบรนด์และเพิ่มยอดขายได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว

 

หากคุณกำลังมองหาความช่วยเหลือในการพัฒนาเว็บไซต์หรือการตลาดดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำธุรกิจของคุณ เราขอแนะนำให้คุณติดต่อ Yes Web Design Studio ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบเว็บไซต์ SEO และการตลาดออนไลน์ครบวงจร พร้อมช่วยพัฒนาเว็บไซต์ที่เหมาะสมกับความต้องการทางธุรกิจของคุณให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน

 

 

 

 

Yes Web Design Studio
Tel. : 096-879-5445
LINE : @yeswebdesign
E-mail : [email protected]
Address : ชั้น 17 อาคารวิทยกิตติ์ ถนนพญาไท วังใหม่ ปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 (สถานี BTS สยาม)

 

มีโปรเจกต์ในใจแล้วใช่ไหม ?