7 ตัวอย่างการใช้ AI ในธุรกิจ ช่วยสร้างความสำเร็จให้องค์กร

บทความโดย Yes Web Design Studio

7 ตัวอย่างการใช้ AI ในธุรกิจ ช่วยสร้างความสำเร็จให้องค์กร
Table of Contents

โลกธุรกิจปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว องค์กรที่ปรับตัวได้ทันกับเทคโนโลยีล้ำสมัยจะเป็นผู้ชนะในการแข่งขัน ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ธุรกิจต่างๆ นำมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างความได้เปรียบ แต่หลายองค์กรยังไม่เข้าใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไร บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจตัวอย่างการประยุกต์ใช้ AI ในธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจริง พร้อมแนวทางการเริ่มต้นนำไปใช้ในองค์กรของคุณ

 

 

AI คืออะไร? ทำไมธุรกิจยุคใหม่จึงควรนำมาใช้

AI คืออะไร? ทำไมธุรกิจยุคใหม่จึงควรนำมาใช้

 

ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI) คือ เทคโนโลยีที่ทำให้คอมพิวเตอร์หรือระบบอัตโนมัติสามารถเรียนรู้ วิเคราะห์ และตัดสินใจคล้ายมนุษย์ ผ่านการประมวลผลข้อมูลปริมาณมหาศาล AI มีความสามารถในการปรับปรุงตัวเองจากประสบการณ์และการเรียนรู้ต่อเนื่อง ทำให้ระบบฉลาดขึ้นเรื่อย ๆ

 

อ่านบทความเพิ่มเติม : รู้จักกับ AI คืออะไร? ทำงานอย่างไร มีอะไรบ้าง ข้อดี-ข้อเสีย

 

 

บทบาทของ AI ในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรม

AI ไม่ใช่แค่เทรนด์ชั่วคราว แต่เป็นกระแสการเปลี่ยนแปลงที่กำลังปฏิวัติวงการธุรกิจทั่วโลก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการผลิต AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนผ่านระบบการบำรุงรักษาเชิงพยากรณ์ ขณะที่วงการการเงินและธนาคารใช้ AI วิเคราะห์ความเสี่ยงและตรวจจับการทุจริต ส่วนธุรกิจค้าปลีกประยุกต์ใช้ AI ในการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคและเพิ่มประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบส่วนตัว

 

 

ประโยชน์ที่องค์กรจะได้รับจากการใช้งาน AI

  1. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน – AI ช่วยทำงานซ้ำซ้อนแทนมนุษย์ ทำให้พนักงานมีเวลาทุ่มเทกับงานสร้างสรรค์และมีคุณค่าสูงกว่า
  2. ลดต้นทุนดำเนินการ – ระบบอัตโนมัติช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านแรงงานและข้อผิดพลาดจากมนุษย์ ส่งผลให้ต้นทุนรวมลดลง
  3. ตอบสนองลูกค้าดีขึ้น – AI ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก ทำให้เข้าใจความต้องการของลูกค้าแต่ละคนได้ลึกซึ้งและเสนอบริการที่ตรงใจ
  4. ตัดสินใจทางธุรกิจแม่นยำขึ้น – AI วิเคราะห์แนวโน้มและคาดการณ์อนาคตจากข้อมูลเชิงลึก ช่วยผู้บริหารตัดสินใจได้ดีขึ้น
  5. สร้างนวัตกรรมใหม่ – AI เปิดโอกาสให้ธุรกิจสร้างสินค้าและบริการแบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน

 

 

7 ตัวอย่างการใช้ AI ในธุรกิจ ที่เห็นผลจริง

 

 

1. การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า (Customer Analytics)

ธุรกิจยุคใหม่ใช้ AI วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าเพื่อสร้างกลยุทธ์การตลาดแบบเฉพาะบุคคล ตัวอย่างเช่น Netflix ใช้ระบบ AI แนะนำภาพยนตร์และซีรีส์ที่ผู้ชมแต่ละคนน่าจะชอบ ส่งผลให้อัตราการรับชมเพิ่มขึ้นกว่า 80%

 

AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจากหลายแหล่ง ทั้งประวัติการซื้อ การค้นหา พฤติกรรมออนไลน์ และแม้แต่ข้อมูลจาก social media เพื่อสร้างภาพรวมของลูกค้าแบบ 360 องศา ความเข้าใจนี้ช่วยให้แบรนด์สื่อสารกับลูกค้าในจังหวะและช่องทางที่เหมาะสม

 

 

2. การคาดการณ์ยอดขายและความต้องการ (Sales Forecasting)

AI ช่วยธุรกิจคาดการณ์ยอดขายและความต้องการของตลาดได้แม่นยำกว่าวิธีดั้งเดิม ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลัง ปัจจัยตามฤดูกาล และปัจจัยภายนอกที่ส่งผลต่อยอดขาย

เช่น Walmart ใช้ AI คาดการณ์ความต้องการสินค้าในแต่ละช่วงเวลา ทำให้บริหารสต็อกได้มีประสิทธิภาพ ลดต้นทุนจัดเก็บสินค้า และลดโอกาสการเกิดสินค้าขาดสต็อก

 

ที่มาของข้อมูล : https://redresscompliance.com/case-study 

 

 

3. การใช้ AI Chatbot และ Virtual Assistant

 

AI Chatbot คืออะไร? AI Chatbot คือระบบ AI ที่ถูกพัฒนาให้สามารถเรียนรู้ได้จากคำสั่งในการตอบกลับการสนทนา ซึ่งการใช้ AI Chatbot และ Virtual Assistant คือการให้ AI ช่วยให้บริการลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่มีวันหยุด สามารถตอบคำถามพื้นฐาน แก้ไขปัญหาเบื้องต้น และส่งต่อเรื่องซับซ้อนให้พนักงานที่เกี่ยวข้อง

Bank of America พัฒนา Erica ผู้ช่วยเสมือนจริงที่ให้บริการลูกค้ากว่า 12 ล้านคน สามารถช่วยตรวจสอบยอดเงิน โอนเงิน และให้คำแนะนำด้านการเงิน ช่วยลดปริมาณการโทรเข้า call center ถึง 30%

ในไทย แอพพลิเคชัน K PLUS ของธนาคารกสิกรไทยมี K PLUS AI Chatbot ที่ตอบคำถามลูกค้าได้หลากหลาย ช่วยลดภาระงานของพนักงานและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า

 

ที่มาของข้อมูล : ​​ https://www.kasikornbank.com/en/news,https://cointelegraph.com/learn/articles 

 

 

4. การวิเคราะห์ความเสี่ยงทางการเงิน (Financial Risk Assessment)

สถาบันการเงินใช้ AI วิเคราะห์ความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อและตรวจจับธุรกรรมผิดปกติ AI สามารถประเมินความเสี่ยงได้แม่นยำกว่าวิธีเดิม โดยวิเคราะห์ปัจจัยหลายร้อยตัวพร้อมกัน

ธนาคารไทยพาณิชย์พัฒนาระบบ AI วิเคราะห์ความเสี่ยงสินเชื่อ ช่วยประเมินความเสี่ยงของลูกค้าได้รอบด้านขึ้น ส่งผลให้อัตราหนี้เสียลดลงและสามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ได้มากขึ้น

 

 

5. ระบบการจัดการซัพพลายเชน (Supply Chain Optimization)

AI ช่วยปรับปรุงการวางแผนและจัดการซัพพลายเชนให้มีประสิทธิภาพ วิเคราะห์ข้อมูลการขนส่ง สภาพอากาศ สภาพการจราจร และปัจจัยอื่น ๆ เพื่อวางแผนเส้นทางการจัดส่งที่ดีที่สุด

 

Amazon ใช้ AI คาดการณ์ความต้องการสินค้าและวางแผนการจัดเก็บสินค้าในคลังสินค้าต่าง ๆ ให้อยู่ใกล้กับผู้บริโภคมากที่สุด ช่วยลดระยะเวลาการจัดส่งและประหยัดต้นทุนการขนส่ง

 

 

6. AI ในการสรรหาและคัดเลือกบุคลากร (Recruitment Automation)

แผนก HR ใช้ AI ช่วยคัดกรองใบสมัครงานจำนวนมาก เพื่อหาผู้สมัครที่มีคุณสมบัติตรงความต้องการ AI สามารถวิเคราะห์ประวัติการศึกษา ประสบการณ์ทำงาน และทักษะต่าง ๆ ของผู้สมัคร

 

Unilever ใช้ AI คัดกรองผู้สมัครงานเบื้องต้น และวิเคราะห์ท่าทาง การพูด และปฏิกิริยาของผู้สมัครในการสัมภาษณ์ผ่านวิดีโอ ช่วยลดเวลาในการคัดเลือกลง 75% และเพิ่มความหลากหลายของผู้สมัครที่ผ่านเข้ารอบสัมภาษณ์

 

ในไทย บริษัท True Corporation ใช้ AI ช่วยคัดกรองผู้สมัครงานกว่า 100,000 คนต่อปี ช่วยให้ฝ่าย HR ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถมุ่งเน้นการพัฒนาพนักงานที่มีศักยภาพ

 

 

7. AI กับการตรวจสอบคุณภาพสินค้า (Quality Control)

โรงงานอุตสาหกรรมใช้ AI ร่วมกับเทคโนโลยีการมองเห็นของเครื่องจักร (Machine Vision) เพื่อตรวจสอบคุณภาพสินค้าในสายการผลิต AI สามารถตรวจจับข้อบกพร่องที่สายตามนุษย์อาจมองข้าม

 

 

แนวทางการเริ่มต้นนำ AI ไปใช้ในองค์กร

แนวทางการเริ่มต้นนำ AI ไปใช้ในองค์กร

การนำ AI มาใช้ในธุรกิจเป็นกระบวนการที่ต้องวางแผนอย่างรอบคอบ ไม่ใช่แค่ซื้อเทคโนโลยีมาแล้วหวังผลทันที แต่ต้องเตรียมความพร้อมหลายด้าน

 

ประเมินความพร้อมของข้อมูล

ข้อมูลคือหัวใจของ AI ก่อนเริ่มโครงการ AI ควรสำรวจว่าองค์กรมีข้อมูลเพียงพอหรือไม่ ข้อมูลมีคุณภาพดีแค่ไหน และมีระบบจัดเก็บข้อมูลที่เหมาะสมหรือไม่

 

ขั้นตอนสำคัญคือการทำ Data Mapping เพื่อรวบรวมข้อมูลที่กระจัดกระจายอยู่ในหลายแผนก และสร้างมาตรฐานการจัดเก็บข้อมูลที่สอดคล้องกัน ซึ่งธุรกิจควรลงทุนในระบบจัดการข้อมูลที่ดี (Data Management System) ก่อนเริ่มใช้ AI เพื่อให้ระบบ AI มีข้อมูลที่มีคุณภาพไปประมวลผล

 

 

เลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับขนาดธุรกิจ

ไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยี AI ที่ซับซ้อนหรือราคาแพงที่สุด แต่ควรเลือกให้เหมาะกับความต้องการและงบประมาณขององค์กร โดยธุรกิจขนาดเล็กถึงกลาง อาจเริ่มจากการใช้บริการ AI สำเร็จรูปแบบ SaaS (Software as a Service) ที่มีค่าใช้จ่ายตามการใช้งานจริง เช่น Chatbot สำเร็จรูป หรือระบบวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าพื้นฐาน ส่วนองค์กรขนาดใหญ่ที่มีทรัพยากรมากกว่า สามารถพัฒนาระบบ AI เฉพาะทางที่ตอบโจทย์ธุรกิจได้ตรงจุด โดยร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีหรือสร้างทีมพัฒนาภายใน

 

 

สร้างความร่วมมือระหว่างทีม IT และทีมบริหาร

ความสำเร็จของการนำ AI มาใช้ในองค์กรขึ้นอยู่กับความร่วมมือระหว่างฝ่ายเทคโนโลยีและฝ่ายธุรกิจ ทั้งสองฝ่ายต้องเข้าใจเป้าหมายและข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ควรตั้งคณะทำงานที่มีตัวแทนจากหลายฝ่าย ทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูล และผู้บริหารธุรกิจ เพื่อร่วมกันกำหนดเป้าหมายและวางแผนการนำ AI มาใช้

นอกจากนี้ควรลงทุนในการฝึกอบรมพนักงานให้เข้าใจการทำงานพื้นฐานของ AI และวิธีทำงานร่วมกับระบบ AI เพื่อลดความกังวลและสร้างการยอมรับจากพนักงาน

 

 

สรุป

AI กำลังเปลี่ยนโฉมวงการธุรกิจในทุกอุตสาหกรรม องค์กรที่นำ AI มาใช้อย่างชาญฉลาดจะสามารถลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่เหนือกว่าคู่แข่ง เมื่อธุรกิจเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ดีจากการนำ AI มาใช้ในด้านหนึ่ง จึงค่อยขยายไปสู่ด้านอื่น ๆ เป็นการพัฒนาอย่างเป็นขั้นตอน จะช่วยให้การลงทุนด้าน AI คุ้มค่าและสร้างผลตอบแทนที่ชัดเจนต่อธุรกิจ

 

หากธุรกิจของคุณต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของ Yes Web Design Studio ได้ เราเป็นบริษัทเว็บดีไซน์ชั้นนำในไทยที่ไม่เพียงรับทำเว็บไซต์ แต่ยังให้คำปรึกษาด้านการตลาดดิจิทัลและ AI Solution อย่างครบวงจร

 

 

Yes Web Design Studio
Tel. : 096-879-5445
LINE : @yeswebdesign
E-mail : [email protected]
Address : ชั้น 17 อาคารวิทยกิตติ์ ถนนพญาไท วังใหม่ ปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 (สถานี BTS สยาม)

 

มีโปรเจกต์ในใจแล้วใช่ไหม ?