AI Chatbot คืออะไร ? พร้อมตัวอย่างและ แนะนำ Chatbot ที่น่าสนใจ

Share this article

AI Chatbot กลายเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่หลายธุรกิจเริ่มหันมาใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณต้องการวิธีที่จะสร้างประสบการณ์ดี ๆ ให้กับลูกค้าโดยที่ไม่เพิ่มภาระให้กับทีมงาน การเลือกใช้ AI Chatbot ก็เป็นวิธีที่ช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าของคุณ และยังทำให้คุณดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับบริการได้อย่างราบรื่น  บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักตั้งแต่เรื่องพื้นฐานของ AI Chatbot ไปจนถึงแนวทางการเลือกใช้เครื่องมือ ที่คุณอาจนำประยุกต์ให้เหมาะสมกับธุรกิจของตัวเองได้

 

 

AI Chatbot คืออะไร ?

AI Chatbot คืออะไร ?

 

AI Chatbot คือ โปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อจำลองการสนทนาของมนุษย์โดยใช้เทคโนโลยี AI ที่สามารถเรียนรู้ แก้ไขปัญหา และทำงานได้เหมือนมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการให้ข้อมูล วางแผน และให้ไอเดียได้ อีกทั้งยังมีการจดจำ แยกแยะ และมีการใช้เหตุและผลประกอบการตัดสินใจได้อีกด้วย เป็นเทคโนโลยีที่หลาย ๆ ธุรกิจนำไปใช้กันอย่างแพร่หลายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

 

และคำว่า “Chatbot” มาจากการรวมกันของคำว่า “Chat” (การสนทนา) และ “Robot” (หุ่นยนต์) เทคโนโลยีนี้ พัฒนาขึ้นเพื่อโต้ตอบกับผู้ใช้งานผ่านข้อความหรือเสียง โดยเริ่มต้นจากการทำหน้าที่ตอบคำถามหรือให้ข้อมูลตามที่ตั้งค่าไว้ในระบบ ซึ่งการตอบสนองของ AI Chatbot จะมีความหมายและมีความเป็นธรรมชาติที่ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่ากำลังสนทนากับคนจริง ๆ ซึ่งเทคโนโลยี AI ก็ถูกแบ่งไว้หลายประเภทตามความสามารถ ดังนี้  

 

ประเภทของ AI มีอะไรบ้าง?

 

Artificial Narrow Intelligence (ANI)​ – เป็นรูปแบบของ AI ที่เป็นที่นิยมในตลาดปัจจุบัน จำต้องมีโปรแกรมคำสั่งเท่านั้นจึงจะสามารถทำงานได้ เพราะ AI ประเภทนี้ไม่สามารถทำงานนอกเหนือคำสั่ง หรือเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองได้  

Artificial General Intelligence (AGI)​ – เป็นระบบ AI ที่มีสติปัญญาสามารถเรียนรู้และทำความเข้าใจกับคำถามได้ดี สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างยืดหยุ่นคล้ายความสามารถของมนุษย์

Artificial Super Intelligence (ASI)​ – เป็นปัญญาประดิษฐ์อัจฉริยะที่มีความสามารถรอบด้านเหนือมนุษย์ที่ปัจจุบันยังไม่สามารถพัฒนา AI ในระดับนี้ขึ้นมาได้ 

 

จากประเภทที่ยกมาให้เป็นเพียงส่วนนึงที่ถูกแบ่งตามความสามารถเท่านั้น และถูกนำไปใช้ในรูปแบบที่แตกต่างกันไป ซึ่งประโยชน์หลัก ๆ ของเทคโนโลยีนี้ก็คือการยกระดับการทำงานให้ง่ายขึ้นนั่นเอง

 

อ่านบทความเพิ่มเติม : รู้จักกับ AI คืออะไร? ทำงานอย่างไร มีอะไรบ้าง ข้อดี-ข้อเสีย

 

 

AI Chatbot มีกี่ประเภท? แต่ละแบบต่างกันอย่างไร

 

AI Chatbot สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามลักษณะการทำงานและความสามารถในการตอบสนองต่อผู้ใช้ ดังนี้

 

1. Rule-Based Chatbot

 

หรือเรียกว่า Script-Chatbot คือระบบที่ทำงานตามชุดคำสั่งหรือกฎที่กำหนดไว้ล่วงหน้า โดยจะตอบคำถามได้เฉพาะที่อยู่ในเงื่อนไขที่ตั้งไว้ เช่น คำถาม FAQ หรืองานที่มีรูปแบบตายตัว

 

ข้อดี – พัฒนาและควบคุมง่าย

ข้อจำกัด – ไม่สามารถตอบคำถามที่อยู่นอกเหนือจากสคริปต์ หรือที่มีภาษาซับซ้อนได้

 

 

2. Menu-Based Chatbot (หรือ Button-Based Chatbot)

 

เป็นระบบที่แสดงตัวเลือกหรือเมนูให้ผู้ใช้เลือกคำตอบ ไม่ต้องพิมพ์ข้อความเอง เหมาะสำหรับคำถามที่มีโครงสร้างแน่นอน

 

ข้อดี – ใช้งานง่าย ลดความผิดพลาดจากการพิมพ์

ข้อจำกัด – จำกัดในเรื่องการสนทนา ไม่สามารถเข้าใจภาษาธรรมชาติได้

 

 

3. Keyword Recognition Chatbot

 

ใช้วิธีตรวจจับคำหรือวลี (Keywords) ที่ผู้ใช้พิมพ์ และตอบสนองตามคำที่กำหนดไว้ล่วงหน้า มีความยืดหยุ่นกว่าระบบเมนู แต่ยังอยู่ในกรอบคำที่กำหนดไว้

 

ข้อดี – ง่ายต่อการพัฒนา รองรับคำถามได้หลากหลายขึ้น

ข้อจำกัด – ยังไม่สามารถเข้าใจความหมายเชิงลึกหรือบริบทได้

 

 

4. AI-Powered Chatbot (หรือ Conversational AI Chatbot)

 

 เป็นระบบที่ใช้เทคโนโลยี AI, NLP (Natural Language Processing) และ Machine Learning เพื่อวิเคราะห์ความหมาย เจตนา และบริบทของข้อความที่ผู้ใช้พิมพ์เข้ามา

 

ข้อดี – เข้าใจภาษาธรรมชาติได้ดี ตอบคำถามซับซ้อนได้

ข้อจำกัด – ใช้ทรัพยากรในการพัฒนาและดูแลสูง เช่น ChatGPT, Siri หรือ Google Assistant

 

 

5. Hybrid Chatbot

 

เป็นการรวมข้อดีของ Rule-Based และ AI-Powered Chatbot เข้าด้วยกัน โดยสามารถตอบคำถามทั่วไปได้อย่างรวดเร็วผ่านกฎ และใช้ AI เมื่อเจอคำถามที่ซับซ้อนหรือคลุมเครือ

 

ข้อดี – ยืดหยุ่น ครอบคลุมหลายกรณีการใช้งาน

ข้อจำกัด – ต้องมีการออกแบบระบบอย่างรอบคอบเพื่อให้ทำงานร่วมกันได้ดี

 

 

6. Voice-Enabled Chatbot (Chatbot แบบสั่งงานด้วยเสียง)

 

โต้ตอบด้วยเสียงโดยใช้เทคโนโลยี Speech-to-Text และ Text-to-Speech เช่น Siri, Alexa, Google Assistant เหมาะกับการใช้งานในระบบสมาร์ทโฮม โทรศัพท์ หรือ IoT

 

ข้อดี – ใช้งานสะดวก ไม่ต้องพิมพ์

ข้อจำกัด – อาจมีข้อผิดพลาดจากเสียงแวดล้อม หรือสำเนียงต่าง ๆ

 

 

Script-Chatbot หรือ Rule-Based Chatbot คืออะไร? ต่างกันอย่างไร? 

 

Smart Chatbot

 

คือแชทบอทที่พัฒนาด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น NLP (Natural Language Processing) และ Machine Learning ที่ทำให้บอทสามารถเข้าใจภาษา เจตนา บริบทของข้อความ และยังโต้ตอบกลับได้อย่างเป็นธรรมชาติและมีความใกล้เคียงกับมนุษย์ รวมถึงมีการเรียนรู้อยู่เสมอเพื่อพัฒนาความแม่นยำในการให้คำตอบในครั้งต่อไป เหมาะกับการใช้งานที่ซับซ้อน เช่น บริการลูกค้า หรือแพลตฟอร์มที่ต้องรองรับคำถามหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะในธุรกิจที่ต้องการมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้

 

Script Chatbot

 

Script Chatbot หรือเรียกอีกชื่อว่า Rule-Based Chatbot คือแชทบอทที่ทำงานตามสคริปต์หรือกฎที่กำหนดไว้ล่วงหน้าเท่านั้น ซึ่งหมายความว่า บอทจะตอบสนองเฉพาะคำถามหรือคำสั่งที่อยู่ในขอบเขตที่ผู้พัฒนาตั้งไว้ หากผู้ใช้ถามนอกเหนือจากที่ตั้งค่าไว้ ระบบจะไม่สามารถเข้าใจหรือโต้ตอบได้อย่างถูกต้อง

ซึ่งความแตกต่างของสองเทคโนโลยีนี้คือ Smart Chatbot มีความสามารถในการโต้ตอบที่ยืดหยุ่น เข้าใจภาษาและเจตนาได้ลึกซึ้ง เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการความเป็นธรรมชาติและสามารถปรับตัวได้ ส่วน แต่ Script Chatbot จะเหมาะกับงานที่มีโครงสร้างแน่นอน ควบคุมง่าย และไม่ต้องการการวิเคราะห์ข้อความเชิงลึก

 

 

ระบบการทำงานของ Chatbot เป็นอย่างไร?

 

แชทบอทในปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยี AI และการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP) เข้ามาใช้ ทำให้สามารถเรียนรู้จากบทสนทนา เข้าใจความต้องการของผู้ใช้งาน และตอบกลับได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น ไม่ใช่แค่ตอบตามสคริปต์แบบเดิม นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มยอดนิยม เช่น Line OA, Facebook Messenger, WhatsApp และระบบจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) เพื่อช่วยให้ธุรกิจให้บริการลูกค้าแบบอัตโนมัติได้ตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้งยังวิเคราะห์ข้อมูลจากคำถามหรือพฤติกรรมของผู้ใช้งาน เพื่อนำไปปรับปรุงความแม่นยำในการตอบกลับให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อ่านบทความเพิ่มเติม : CRM คืออะไร? เราจะใช้ประโยชน์จาก CRM ได้ยังไง

 

 

AI Chatbot ทำงานอย่างไร ?

Ai Chatbot ทำงานอย่างไรบ้าง

แม้เบื้องหลังของ AI Chatbot จะดูซับซ้อน แต่โครงสร้างการทำงานสามารถแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ ที่ช่วยให้บอทเข้าใจและตอบสนองผู้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้

 

1. การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing – NLP)

 

NLP คือเทคโนโลยีที่ช่วยให้คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจภาษาที่มนุษย์ใช้จริงในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นข้อความหรือเสียง เช่น การตัดคำ การแยกประโยค การวิเคราะห์ไวยากรณ์ รวมถึงการแยกคำที่มีความหมายจากคำที่ไม่มีสาระสำคัญ เพื่อให้บอทเข้าใจสิ่งที่ผู้ใช้สื่อสาร

 

ประกอบด้วยขั้นตอนที่สำคัญดังนี้

 

  • Tokenization – การตัดคำหรือแยกคำออกจากกัน เพื่อให้ระบบเข้าใจโครงสร้างของข้อความ
  • Sentiment analysis – การวิเคราะห์ความรู้สึกของผู้ใช้ เพื่อช่วยให้เข้าใจพฤติกรรมว่าเป็น Positive หรือ Negative ทำให้เราสามารถแยกแยะเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้ได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น
  • Entity recognition – การระบุและจัดหมวดหมู่ข้อมูลที่สำคัญ 
  • Dependency parsing – คือการค้นหาว่าข้อมูลทั้งหมดในประโยคเกี่ยวข้องกันอย่างไร

 

2. การเข้าใจเจตนาและบริบท (Intent Recognition & NLU)

 

เมื่อบอทสามารถอ่านและแปลความภาษาธรรมชาติได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการตีความว่า ผู้ใช้งานต้องการอะไร หรือมีเจตนาอย่างไร ซึ่งเป็นหน้าที่ของ Natural Language Understanding (NLU) โดยระบบจะวิเคราะห์จากข้อความเพื่อระบุจุดประสงค์ เช่น ต้องการสอบถามโปรโมชั่น ขอความช่วยเหลือ หรือต้องการเช็กสถานะคำสั่งซื้อ พร้อมดึงข้อมูลสำคัญจากบทสนทนา

 

3. การเรียนรู้และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง (Machine Learning / Deep Learning)

 

AI Chatbot ที่มีความสามารถขั้นสูงจะใช้ระบบ Machine Learning หรือ Deep Learning เข้ามาช่วยในการเรียนรู้จากข้อมูลบทสนทนาที่เกิดขึ้นจริง เมื่อมีการใช้งานบ่อยครั้ง บอทจะสามารถจดจำรูปแบบพฤติกรรม วิเคราะห์คำถามซ้ำ ๆ และปรับการตอบให้แม่นยำและเป็นธรรมชาติมากขึ้นในอนาคต

 

 

AI Chatbot ต่างจาก Chatbot ปกติอย่างไร?

 

AI Chatbot

ความแตกต่างของ Ai Chatbot กับ Chatbot ทั่วไป

เป็นแชทบอทที่ใช้เทคโนโลยี AI และการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP) สามารถเข้าใจภาษาและบริบทได้ลึกซึ้ง วิเคราะห์เจตนาของผู้ใช้งาน และตอบกลับได้อย่างยืดหยุ่นแม้ไม่เป็นไปตามรูปแบบที่กำหนด ทั้งยังสามารถเรียนรู้และพัฒนาตัวเองจากประสบการณ์ผ่านกระบวนการ Machine Learning

 

Machine Learning คืออะไร? เทคโนโลยีนี้คือการเรียนรู้ของเครื่อง เป็นสาขาย่อยของ AI ที่มุ่งเน้นการพัฒนาระบบให้สามารถเรียนรู้จากข้อมูลและประสบการณ์โดยไม่ต้องเขียนโปรแกรมอย่างชัดเจน

 

Chatbot แบบดั้งเดิม 

 

แชทบอทประเภทที่ทำงานตามชุดคำสั่งหรือกฎที่กำหนดไว้ล่วงหน้า จะตอบสนองโดยอิงจากการจับคู่คีย์เวิร์ดหรือการเลือกคำตอบที่ตั้งค่าไว้ หากผู้ใช้งานพิมพ์ข้อความนอกเหนือจากที่ระบบรองรับ แชทบอทจะไม่สามารถเข้าใจหรือโต้ตอบได้อย่างเหมาะสม และไม่สามารถเรียนรู้หรือปรับตัวเองได้ ต้องอาศัยการอัปเดตจากผู้ดูแลระบบเท่านั้น

 

 

บทบาทของ AI Chatbot ในปัจจุบัน

 

ให้ข้อมูลเบื้องต้นได้อย่างครบถ้วน

แชทบอทสามารถช่วยตอบคำถามทั่วไป เช่น การใช้งานเบื้องต้น การแนะนำผลิตภัณฑ์ หรือบริการหลังการขาย ช่วยให้ลูกค้าได้รับคำตอบอย่างรวดเร็ว 

 

ส่งเสริมด้านการตลาดและการขาย

แชทบอทยังสามารถแนะนำสินค้า เก็บข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภค และช่วยปิดการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ใช้งานในด้านการศึกษาและสุขภาพ

ปัจจุบันมีการนำ Chatbot ไปใช้งานในรูปแบบผู้ช่วยสอนออนไลน์ หรือให้คำปรึกษาด้านสุขภาพเบื้องต้น ทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญได้สะดวกและปลอดภัย  

 

 

ประโยชน์ของ AI Chatbot ต่อธุรกิจ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต

 

AI Chatbot ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยยกระดับการให้บริการของธุรกิจในยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง ไม่เพียงแต่ช่วยลดภาระของทีมงาน แต่ยังสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า และเปิดโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยสามารถแบ่งประโยชน์ออกได้หลากหลายมิติ ดังนี้

 

ให้บริการได้ตลอด 24/7

AI Chatbot สามารถตอบคำถามและให้ความช่วยเหลือลูกค้าได้ตลอดเวลา แม้ในช่วงเวลากลางคืนหรือวันหยุด นักธุรกิจสามารถมั่นใจได้ว่าลูกค้าจะได้รับการตอบกลับโดยไม่ต้องรอเจ้าหน้าที่จริง 

 

ตอบสนองรวดเร็ว และแม่นยำทุกครั้ง

ด้วยระบบการประมวลผลที่มีประสิทธิภาพ แชทบอทสามารถตอบคำถามพื้นฐาน เช่น เวลาทำการ วิธีการสั่งซื้อ หรือขั้นตอนการขอคืนสินค้าได้อย่างแม่นยำและสม่ำเสมอทุกครั้ง ทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง

 

รองรับลูกค้าพร้อมกันได้จำนวนมาก

ไม่ว่าจะมีลูกค้าติดต่อเข้ามาพร้อมกันกี่ราย AI Chatbot สามารถจัดการได้ทันทีโดยไม่ต้องต่อคิว ช่วยลดเวลาในการรอและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า

 

ลดต้นทุนด้านทรัพยากรบุคคล

การใช้แชทบอทช่วยลดจำนวนพนักงานที่ต้องทำงานซ้ำ ๆ เช่น การตอบคำถามทั่วไป ซึ่งช่วยให้สามารถจัดสรรบุคลากรไปทำงานที่ซับซ้อนและสร้างมูลค่าเพิ่มมากขึ้น

 

เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน

ด้วยความสามารถในการทำงานแบบอัตโนมัติและไม่จำกัดเวลา แชทบอทเปรียบเสมือนพนักงานที่ไม่ล้า ไม่หยุดพัก และพร้อมให้บริการตลอดเวลา

 

เก็บข้อมูลเพื่อวิเคราะห์และพัฒนาธุรกิจ

ทุกบทสนทนาที่เกิดขึ้นสามารถนำไปวิเคราะห์เพื่อเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้า ช่วยวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด และปรับปรุงผลิตภัณฑ์หรือบริการให้ดียิ่งขึ้น

 

 

ตัวอย่างการใช้งาน AI Chatbot ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ

 

AI Chatbot ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยสามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ตัวอย่างการประยุกต์ใช้งานในแต่ละภาคธุรกิจ มีดังนี้

 

ธุรกิจค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซ

AI Chatbot ช่วยแนะนำสินค้า ตอบคำถามเกี่ยวกับการสั่งซื้อ ตรวจสอบสถานะการจัดส่ง และให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ราบรื่นและต่อเนื่อง

 

ธุรกิจการเงินและธนาคาร

แชทบอทสามารถให้ข้อมูลบัญชี อัตราดอกเบี้ย แจ้งเตือนธุรกรรม และให้คำปรึกษาเบื้องต้นด้านการเงิน ช่วยลดภาระของคอลเซ็นเตอร์ และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างทันท่วงที

 

ธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรม

ลูกค้าสามารถสอบถามข้อมูลห้องพัก โปรโมชั่น หรือทำการจองได้ผ่านแชทบอท รวมถึงรับคำแนะนำเกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยวและกฎระเบียบการเดินทาง เพิ่มความสะดวกสบายตลอดการเดินทาง

 

ธุรกิจสุขภาพและการแพทย์

AI Chatbot ช่วยนัดหมายแพทย์ ให้ข้อมูลด้านสุขภาพทั่วไป ติดตามอาการของผู้ป่วย และแจ้งเตือนการรับประทานยา ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการโดยไม่ลดคุณภาพ

 

ธุรกิจการศึกษา

สถาบันการศึกษาสามารถใช้แชทบอทตอบคำถามเกี่ยวกับหลักสูตร กำหนดการ หรือขั้นตอนการลงทะเบียน รวมถึงให้คำปรึกษาด้านการเรียนรู้ เพื่อสนับสนุนผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง

 

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

Chatbot ช่วยคัดกรองลูกค้าเบื้องต้น ให้ข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์สิน ราคา และนัดหมายเข้าชม ช่วยให้ตัวแทนขายสามารถโฟกัสกับการปิดการขายได้มากขึ้น

 

ธุรกิจให้บริการลูกค้า

ในองค์กรที่มีฝ่ายบริการลูกค้าขนาดใหญ่ แชทบอทสามารถรับมือกับคำถามที่พบบ่อย เช่น การรีเซ็ตรหัสผ่าน หรือเช็กสถานะคำสั่งซื้อ โดยส่งต่อเฉพาะเคสที่ซับซ้อนให้เจ้าหน้าที่

 

ธุรกิจเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์

บริษัทด้านเทคโนโลยีสามารถใช้แชทบอทในการให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคเบื้องต้น ตอบคำถาม FAQ และสนับสนุนลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดภาระของทีมซัพพอร์ต

 

 

แนะนำแพลตฟอร์ม AI Chatbot ที่ใช้งานง่าย

 

1. Botpress

 

แนะนำแพลตฟอร์ม AI Chatbot ที่ใช้งานง่าย - Botpress

 

โอเพ่นซอร์สสำหรับนักพัฒนาและองค์กรที่ต้องการสร้างแชทบอทแบบปรับแต่งลึก รองรับการทำ Natural Language Understanding (NLU) และสามารถเชื่อมต่อ API ภายนอกได้  เหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมโครงสร้างบอทและประสบการณ์ใช้งานอย่างละเอียด

 

จุดเด่น: รองรับภาษาไทย สามารถปรับแต่งได้สูง เหมาะสำหรับองค์กรที่มีทีมพัฒนา

เว็บไซต์: botpress.com

  

2. Dialogflow (โดย Google)

 

แนะนำแพลตฟอร์ม AI Chatbot ที่ใช้งานง่าย - Dialogflow (โดย Google)

 

เครื่องมือพัฒนาแชทบอทที่ทำงานบน Google Cloud ใช้งานง่ายและเชื่อมต่อกับช่องทางต่าง ๆ ได้สะดวก เช่น LINE, Facebook Messenger, เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันมือถือ ใช้ระบบ Intent Recognition ที่แม่นยำในการเข้าใจเจตนาของผู้ใช้

 

จุดเด่น: เชื่อมต่อหลายช่องทาง วิเคราะห์ภาษาได้แม่นยำ มีระบบ Machine Learning

เว็บไซต์: dialogflow.cloud.google.com

 

3. IBM watsonx Assistant 

 

แนะนำแพลตฟอร์ม AI Chatbot ที่ใช้งานง่าย - IBM watsonx Assistant

 

โซลูชันระดับองค์กรจาก IBM ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการสื่อสารกับลูกค้าในเชิงลึก สามารถผสานการทำงานกับระบบภายใน เช่น CRM หรือฐานข้อมูลหลังบ้าน และรองรับภาษาไทย

 

จุดเด่น: เหมาะกับองค์กรขนาดใหญ่ ใช้งานในองค์กรหรือเว็บไซต์ได้ มีระบบวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง

เว็บไซต์: IBM watsonx Assistant

 

 

4. ManyChat

 

แนะนำ 7 AI Chatbot Platform ที่น่าสนใจ - ManyChat

 

แพลตฟอร์มยอดนิยมสำหรับธุรกิจที่เน้นการตลาดผ่าน Facebook, Instagram และ WhatsApp ใช้งานง่ายด้วยระบบแบบลากวาง พร้อมเครื่องมืออัตโนมัติ เช่น การตอบกลับอัตโนมัติ การส่งข้อความตามเวลา และระบบจัดการลีดครบวงจร

 

จุดเด่น: ไม่ต้องเขียนโค้ด เน้นด้านการตลาดและอีคอมเมิร์ซ และมีฟีเจอร์ Broadcast

เว็บไซต์: manychat.com

 

 

5. Amazon Lex

 

แนะนำ 7 AI Chatbot Platform ที่น่าสนใจ - Amazon Lex

 

บริการจาก AWS ที่ใช้ AI เดียวกับ Alexa ช่วยสร้างบอทที่สามารถเข้าใจและโต้ตอบกับผู้ใช้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมรองรับการเชื่อมต่อกับบริการอื่น ๆ ของ AWS เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการระบบแชทบอทที่สามารถขยายขีดความสามารถได้ในอนาคต

 

จุดเด่น: ทำงานร่วมกับบริการ AWS ได้ลื่นไหล, รองรับภาษาไทยบางส่วน, ใช้ NLP คุณภาพสูง 

เว็บไซต์: aws.amazon.com/lex

 

 

6. zwiz.ai

 

แนะนำ 7 AI Chatbot Platform ที่น่าสนใจ - zwiz.ai

 

แชทบอทฝีมือคนไทยที่ออกแบบมาเพื่อผู้ประกอบการ SME และร้านค้าออนไลน์ ใช้งานได้กับ LINE OA และ Facebook Page พร้อมระบบเก็บออเดอร์ การแจ้งเตือน และฟีเจอร์รายงานยอดขาย เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีพื้นฐานด้านเทคนิค

 

จุดเด่น: ใช้งานง่าย รองรับภาษาไทยเต็มรูปแบบ มีระบบจัดการร้านค้าออนไลน์

เว็บไซต์: zwiz.ai

 

 

7. OneChat

 

แนะนำ 7 AI Chatbot Platform ที่น่าสนใจ - OneChat

 

แพลตฟอร์มของไทยที่เน้นการใช้งานร่วมกับ Facebook และ LINE มีเครื่องมือสร้างบอทแบบลากวาง รองรับระบบตอบกลับอัตโนมัติ รายงานข้อมูลลูกค้า และฟีเจอร์การทำการตลาด เช่น Broadcast และแคมเปญเฉพาะกิจ

 

จุดเด่น: เหมาะกับผู้เริ่มต้น ฟีเจอร์ครบในตัว รองรับธุรกิจไทยทุกขนาด

เว็บไซต์: onechat.ai

 

 

8. Connect X

 

แนะนำแพลตฟอร์ม AI Chatbot - Connect X

 

แชทบอทที่ออกแบบมาสำหรับธุรกิจไทยที่เน้นการใช้ LINE OA โดยเฉพาะ มาพร้อมระบบจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) การออกแบบข้อความแบบกำหนดเอง และการส่งข้อความแบบ Broadcast

 

จุดเด่น: ระบบ CRM ในตัว รองรับภาษาไทยและอังกฤษ เหมาะกับธุรกิจบริการ

เว็บไซต์: connect-x.tech

 

 

AI Chatbot กับอนาคตของธุรกิจไทยจะเป็นยังไงต่อ?

 

เทคโนโลยีนี้กำลังจะกลายเป็นฟันเฟืองสำคัญในด้านธุรกิจ เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคได้เปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่องในยุคปัจจุบัน และถ้าหากพูดถึงแนวโน้มการเติบโตนั้น ตลาด Chatbot ในไทยจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะต้นทุนการให้บริการที่ต่ำลง รวมถึงความคุ้นเคยที่ผู้บริโภคมีต่อแชทบอท แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเทคโนโลยีนี้จะมีศักยภาพ แต่การนำมาใช้งานจริงก็ยังมีข้อจำกัดบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงให้แชทบอทมีความเข้าใจในบริบทของภาษาไทยมากขึ้น หรือศัพท์เฉพาะในแต่ละอุตสาหกรรม ซึ่งยังเป็นสิ่งที่แชทบอทควรได้รับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มหลักในอนาคต ได้แก่

 

การบริการแบบเฉพาะบุคคล (Personalization) – วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อให้บริการที่ตรงจุดและเฉพาะบุคคลมากขึ้น

การเชื่อมต่อระบบอื่น ๆ (Integration) – ทำงานร่วมกับระบบ CRM, ERP หรือ IoT เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพองค์กร

รองรับ Multi-Channel – ให้บริการครอบคลุมทุกช่องทาง ทั้งเว็บไซต์ แอป โซเชียลมีเดีย ไปจนถึงเสียงและ AR

การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) – ใช้ข้อมูลจากการสนทนาในการปรับปรุงกลยุทธ์ธุรกิจและบริการ

สนับสนุนภาครัฐและสังคม – ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการรัฐ พร้อมดูแลกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ

 

เทคโนโลยี AI Chatbot กำลังก้าวสู่บทบาทสำคัญในการยกระดับธุรกิจไทย ด้วยความสามารถในการให้บริการอัตโนมัติอย่างแม่นยำ รวดเร็ว และประหยัดต้นทุน แต่ก็ยังต้องพัฒนาให้เข้าใจภาษาและบริบทเฉพาะของแต่ละอุตสาหกรรมให้ดียิ่งขึ้นเช่นกัน

 

 

ทำไมธุรกิจควรเริ่มใช้ AI Chatbot? 

 

เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป จึงทำให้ความคาดหวังในการรับบริการแบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมงกลายเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับทุกธุรกิจ ซึ่งเป็นเหตุผลที่หลาย ๆ ธุรกิจได้นำ AI Chatbot เข้ามาใช้งาน เพราะไม่เพียงแค่เป็นเครื่องมือทางเทคโนโลยีที่ช่วยตอบแชต หรือช่วยลดภาระทีมงาน แต่ยังเป็นการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าให้ทันสมัย มีประสิทธิภาพ ช่วยให้ธุรกิจให้บริการได้รวดเร็ว สม่ำเสมอ และเข้าใจลูกค้ามากขึ้น

 

หากคุณกำลังเริ่มต้น หรือมองหาทางเลือกใหม่ในการดูแลลูกค้า การเริ่มต้นกับ AI Chatbot วันนี้คือจังหวะที่ดีที่สุด ซึ่งสามารถเริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านเว็บไซต์และเทคโนโลยี AI อย่าง Yes Web Design Studio เราเป็นบริษัทเว็บดีไซน์ชั้นนำในไทยที่ไม่เพียงรับทำเว็บไซต์ แต่ยังให้คำปรึกษาด้านการตลาดดิจิทัลและ AI Solution อย่างครบวงจร และสามารถให้คำแนะนำเรื่องการนำ AI มาใช้ในธุรกิจเป็น 

 

Yes Web Design Studio

 Tel. : 096-879-5445

LINE : @yeswebdesign

E-mail : [email protected]

Address : ชั้น 17 อาคารวิทยกิตติ์ ถนนพญาไท วังใหม่ ปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 (สถานี BTS สยาม)

 

ที่มาของข้อมูล 

Written by

Yes Content Writer

Stop letting your competitors outrank you.