ศาสตร์ในการทำการตลาดออนไลน์ เพื่อสร้างการเติบโตให้แก่ธุรกิจของคุณมีอยู่มากมาย ทั้งเสียค่าใช้จ่ายเยอะและเสียค่าใช้จ่ายน้อย และแต่ละวิธีก็มีระยะเวลาในการเห็นผลที่ไม่เท่ากัน แต่หนึ่งในวิธีการทำการตลาดออนไลน์ที่มีความยั่งยืนและเห็นผลในระยะยาวที่เราอยากจะแนะนำ ก็คือการทำ SEO (Search Engine Optimization) นั่นเอง
การทำ SEO ก็เหมือนตัวเบิกทาง หรือการสร้างถนนให้คนเข้ามาเจอกับร้านค้า (เว็บไซต์) ของเรา นอกจากจะช่วยให้ลูกค้าเจอกับเราได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในหลาย ๆ อย่าง อาทิ หาข้อมูลอ่านได้แบบชิล ๆ ไม่ต้องมีคนมาคอยกดดัน หรือเลือกซื้อสินค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง พอเป็นเช่นนี้ โอกาสที่เราจะปิดการขายได้ก็ง่ายขึ้น เพราะลูกค้ามีความผ่อนคลายสูง
แต่มีเว็บไซต์ ก็ไม่ได้แปลว่ามี SEO ด้วยนะ! ถ้าอยากขยายฐานลูกค้า เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างมากขึ้น ไม่ได้มีเพียงกลุ่มลูกค้าเดิม ๆ ที่รู้จักแบรนด์เราอยู่แล้ว สิ่งที่คุณต้องทำคือการสร้างบทความ SEO (SEO Content) ที่มีคุณภาพขึ้นมา และในบทความนี้ Yes Web Design Studio ผู้นำด้านเว็บดีไซน์จะมาอธิบายและเทคนิคในการทำบทความ SEO ให้คุณได้รู้กัน!
แน่นอนว่าบทความที่คุณกำลังกวาดสายตาอ่านและทำความเข้าใจอยู่ในขณะนี้ คือบทความ SEO ที่เรารังสรรค์ เพื่อให้ไปปรากฎอยู่บน Search Engine หรือ Google ที่คุณได้ค้นหาข้อมูลในไม่กี่นาทีที่ผ่านมานั่นเอง!
บทความ SEO คืออะไร?
บทความ SEO คือบทความที่ถูกเขียนขึ้นด้วยหลักการของการทำ SEO เพื่อให้ Google Algorithm รับรู้ว่าบทความของเรามีคุณภาพ เขียนตามหลักการที่ Google ต้องการ และมีประโยชน์ต่อผู้อ่านจริง ๆ
ซึ่งผลลัพธ์ที่คนเขียนบทความ SEO ส่วนใหญ่คาดหวังให้เกิดขึ้น คือ บทความ SEO ที่ตนเองได้เขียนไปนั้น ติดอันดับการค้นหาบนหน้าแรกของ Google เนื่องจากสิ่งนี้ จะนำมาด้วยยอดการเข้าถึงจำนวนมาก (Impression) ช่วยสร้างโอกาสที่คนจะเข้ามาบนเว็บไซต์ (Click) จากนั้น จะทำให้ผู้อ่านเจอกับสิ่งที่เราต้องการจะสื่อสารออกไป และยิ่งผู้อ่านใช้ระยะเวลาอยู่ในเว็บไซต์นานแค่ไหน ก็จะยิ่งส่งเสริมให้เว็บไซต์เรามีประสิทธิภาพ และมีโอกาสติดอันดับดี ๆ ในบทความถัดไปได้มากขึ้น
แต่การทำบทความ SEO ให้ติดอันดับการค้นหาบนหน้าแรก หรืออันดับต้น ๆ นั้น มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะปัจจัยที่ Google ใช้ในการประเมินหรือพิจารณาบทความนั้นมีอยู่หลายร้อยปัจจัยเลยทีเดียว เนื้อหาก็สำคัญ คะแนนเว็บไซต์ก็มีผล โครงสร้างบทความก็ไม่ควรมองข้าม ฯลฯ อย่างไรก็ตาม คุณไม่ต้องกังวลเลย เพราะเรามีเทคนิคในการเขียนบทความ SEO ให้โดนใจ Google มาฝาก!
ตัวอย่างบทความ SEO เรื่องการออกแบบเว็บไซต์ จาก Yes!
7 เทคนิคในการเขียนบทความ SEO ให้ปัง
ถ้าคุณมีการวางโครงสร้างบทความ SEO มาอย่างดี ใส่ทุกอย่างตามโครงสร้างของ On-Page SEO อย่างเหมาะสม ทำทุกอย่างด้วย “ความพอดี” ไม่มากเกินไปและไม่น้อยจนเกินไป ขอบอกเลยว่าบทความของคุณปังแน่นอน! Google Bot เข้ามาตรวจง่าย นำไปวัดผลได้อย่างรวดเร็ว และช่วยจัดอันดับบทความของคุณให้อยู่ในที่ดี ๆ ซึ่งบางครั้งอาจจะติดหน้าแรกตั้งแต่สัปดาห์แรกเลยก็เป็นได้ หรือไม่ก็ค่อย ๆ ไต่อันดับจากต่ำไปยังสูงอย่างต่อเนื่อง
เอาล่ะ! ถึงเวลาเผยเทคนิคในการเขียนบทความ SEO แล้ว! ก่อนที่จะลงมือเขียนบทความ อย่าลืมวางแผนและคำนึงถึงสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ก่อนล่ะ ถ้าจะให้เยี่ยม ก็เช็คลิสต์ไปพร้อม ๆ กับตอนเขียนด้วยเลย จะได้ไม่มีพลาด!
- วาง Keyword ให้เหมาะสม
นอกจากการเลือก Keyword (คำหรือวลี ที่ถูกใช้ในการค้นหาจริง) ที่ตรงโจทย์แล้ว การวาง Keyword ให้เหมาะสมก็สำคัญเช่นเดียวกัน คุณไม่ควรยัดเยียดหรือใส่ Keyword มากเกินไป เพราะจะดูไม่เป็นธรรมชาตินัก ซึ่ง Google ชอบความเป็นธรรมชาติมากกว่าอะไรเป็นไหน ๆ
ดังนั้น ขอแนะนำให้คุณกระจาย Keyword ให้ไปอยู่บนส่วนต่าง ๆ ของบทความ SEO และวาง Keyword ไว้ใน 7 จุดที่สำคัญ คือ Title, Meta Description, URL, Heading 1, Heading 2, ส่วนเกริ่นนำหรือส่วนบนของบทความ และชื่อภาพ
- เขียน Meta Tag ให้กระชับ
Meta Tag จะประกอบไปด้วย Title และ Meta Description ซึ่งเป็นสิ่งที่ปรากฎอยู่บนหน้าการค้นหา เรียกได้ว่าเป็นด่านแรกหรือหมัดแรกที่เราเอาไว้มัดใจผู้อ่านเลยก็ว่าได้ หากเรามีการเขียน Meta Tag ที่กระชับ เตะตาโดนใจ และทำให้ผู้อ่านเข้าใจได้ในทันทีว่าในบทความนี้เขียนเกี่ยวกับอะไร
- กำหนด Heading ให้ถูก
Heading (H) หรือ หัวข้อ มีตั้งแต่ 1-6 โดย H1 นั้นสำคัญที่สุด ในแต่ละบทความควรมีเพียง 1 ตำแหน่งเท่านั้น (บางเว็บไซต์อาจจะดึงเราชื่อบทความมาเป็น H1 โดยอัตโนมัติ ต้องตรวจสอบให้ดี) ส่วน H2 ก็สำคัญไม่แพ้กัน ควรมีทุกบทความ ส่วน Heading อื่น ๆ ไม่ได้สำคัญมากนัก จะใส่หรือไม่ก็ได้ โดยดูจากความเหมาะสมเป็นหลัก
- เขียนเนื้อหาให้ชัดเจนไม่กำกวม
การเขียนเนื้อหาในบทความ SEO ก็ต้องเขียนให้ชัดเจน ไม่เขียนกำกวม หรือวกไปวนมา ควรใส่รายละเอียดและข้อมูลให้ครบถ้วน ทุกอย่างที่เขียนลงไปต้องเป็นเรื่องจริงที่มีความถูกต้อง เขียนขึ้นเองไม่ก๊อปปี้ใครมา และถ้าจะให้ดีที่สุด คุณต้องแสดงถึงความเชี่ยวชาญหรือความเป็นกูรูในด้านนั้นจริง ๆ ผ่านการเขียนบทความด้วยหลักการ E-E-A-T และเขียนอย่างน้อย 1,000 คำขึ้นไป
- แทรก Link เข้าไปบ้าง
เพิ่มพลังและสร้างพลังให้แก่บทความที่คุณเขียนขึ้น ไปพร้อม ๆ กับการส่งพลังอันดีให้บทความอื่น ๆ ด้วยการแทรก Internal Link (ลิงก์จากเว็บไซต์เดียวกัน) และ External Link (ลิงก์จากเว็บไซต์ภายนอก) ลงไปบ้าง
- ให้ความสำคัญกับรูปภาพ
หลาย ๆ คนละเลยการทำ SEO Image ซึ่งเราขอบอกเลยว่าเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่คุณควรให้ความสำคัญไม่แพ้กับเรื่องอื่น ๆ เลย เพราะถึงแม้ว่าบทความ SEO ของคุณจะไม่ได้ติดอันดับการค้นหาบนหน้า Search ทั่วไป แต่ก็อาจจะติดการค้นหาบนหน้า Image Search แทนได้!
ก่อนอัปโหลดรูปภาพลงไปในเว็บไซต์ คุณจะต้องแปลงไฟล์รูปภาพให้เป็นสกุลไฟล์ WebP และตั้งชื่อภาพเป็นภาษาอังกฤษ โดยนำ Keyword มาประกอบเสียก่อน เมื่ออัปโหลดภาพลงไปเรียบร้อยแล้ว ก็อย่าลืมใส่ Alternative Text (Alt Text) ด้วย เพื่อบอกให้ Google รู้ว่าเมื่ออินเทอร์เน็ตช้าหรือภาพไม่โหลด จะต้องแสดงผลว่าอะไร เป็นต้น
- อย่าลืมกำหนด URL
อย่าลืมใส่ Keyword ลงไปใน URL ด้วยล่ะ คุณสามารถใส่ URL ได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยการแยกภาษาของ URL นี้ จะเหมาะกับเว็บไซต์ที่มีทั้ง 2 ภาษา แต่ถ้าคุณยืนยันที่จะทำเว็บไซต์ภาษาเดียว อาจจะเลือกเป็นการใช้ Keyword ภาษาอังกฤษลงใน URL แทนก็ได้ (แม้เนื้อหาจะเป็นภาษาไทยก็ตาม) เพราะ URL ภาษาอังกฤษจะง่ายต่อการแชร์ต่อนั่นเอง
สรุป
หากคุณมีการเขียนบทความขึ้นเว็บไซต์เป็นประจำอยู่แล้ว จะดีกว่าไหม? หากคุณเขียนบทความ SEO แทนไปเลย เพียงแค่ทำความเข้าใจกับมันและเช็คลิสต์วิธีการทำบทความ SEO ตามที่พวกเรา Yes Web Design Studio ได้แนะนำไปในบทความนี้ เพียงเท่านี้ คุณก็ได้สร้างบทความคุณภาพที่จะนำพา Traffic เข้าสู่เว็บไซต์ของคุณได้แบบไร้ขีดจำกัด แถมยังกระตุ้นยอดขายได้อีกด้วย!
Yes! รับทำเว็บไซต์และ SEO ครบวงจร
Tel. : 096-879-5445
LINE : @yeswebdesign
E-mail : info@yeswebdesignstudio.com
Facebook : Yes Web Design Studio I Web Design Company Bangkok
Instagram : yeswebdesign_bkk
Address : ชั้น 17 อาคารวิทยกิตติ์ ถนนพญาไท วังใหม่ ปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 (สถานี BTS สยาม)