ในโลกออนไลน์ที่มีการแข่งขันสูง การทำให้เว็บไซต์ติดอันดับต้น ๆ บน Google ก็เป็นสิ่งที่เจ้าของเว็บไซต์ทุกคนปรารถนา แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า Sitemap เป็นองค์ประกอบพื้นฐานที่สำคัญมากต่อความสำเร็จในการทำ SEO เพราะมันเปรียบเสมือนแผนที่ที่จะช่วยให้ Google เข้าใจโครงสร้างของเว็บไซต์คุณได้ดียิ่งขึ้น บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับสิ่งนี้พร้อมแนะนำการสร้าง Sitemap ที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับบน Google ได้ง่ายขึ้น
Sitemap คืออะไร? ทำความรู้จักโครงสร้างสำคัญของเว็บไซต์
รูปภาพจาก : Milanote
Sitemap คือ ไฟล์ที่รวบรวมรายการ URL ทั้งหมดของเว็บไซต์ไว้ในที่เดียว เพื่อบอกให้เครื่องมือค้นหา หรือ Search Engine รู้ว่าเว็บไซต์ของคุณมีหน้าเว็บเพจอะไรบ้าง และแต่ละหน้ามีความสัมพันธ์กันอย่างไร สามารถเปรียบกับแผนผังห้างสรรพสินค้าที่ติดไว้ตามทางเข้าหรือจุดบริการลูกค้า เมื่อลูกค้าเข้ามาในห้าง แผนผังจะช่วยให้พวกเขาหาร้านค้าที่ต้องการได้ง่ายขึ้น ในทำนองเดียวกันไฟล์ที่รวบรวมลิงก์นี้ช่วยให้ Googlebot รู้ว่ามีหน้าเว็บอะไรบ้างในเว็บไซต์ของคุณ และควรจะเข้าถึงหน้าเหล่านั้นได้อย่างไร ซึ่ง Sitemap จะมีข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับแต่ละหน้า เช่น URL ของหน้าเว็บ วันที่อัปเดตล่าสุด ความถี่ในการเปลี่ยนแปลงเนื้อหา และความสำคัญของหน้าเว็บเมื่อเทียบกับหน้าอื่น ๆ ในเว็บไซต์
ซึ่งการมี Sitemap ไม่ได้รับประกันว่า Google จะเก็บข้อมูลทุกหน้าในเว็บไซต์ของคุณ แต่มันช่วยเพิ่มโอกาสให้ทุกหน้าได้รับการพิจารณา โดยเฉพาะสำหรับเว็บไซต์ขนาดใหญ่ที่มีหน้าเว็บจำนวนมาก
ประเภทของ Sitemap มีกี่แบบ และแตกต่างกันอย่างไร?
Sitemap มีหลายประเภท แต่ละประเภทถูกออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน การเลือกใช้ให้เหมาะสมกับเว็บไซต์ของคุณจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของมันได้มาก
XML Sitemap – ใช้สำหรับเครื่องมือค้นหา
เป็นประเภทที่พบบ่อยที่สุด และเป็นแบบที่ Google และเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ แนะนำให้ใช้ มันถูกเขียนในรูปแบบ XML (Extensible Markup Language) ซึ่งเป็นภาษาที่เครื่องคอมพิวเตอร์อ่านและเข้าใจได้ง่าย แต่มีข้อจำกัดคือ สามารถรวม URL ได้ไม่เกิน 50,000 URL และขนาดไฟล์ไม่เกิน 50MB หากเว็บไซต์ของคุณมีขนาดใหญ่กว่านี้ อาจต้องแบ่ง Sitemap เป็นหลายไฟล์ และสร้าง Sitemap index เพื่อรวมไฟล์ทั้งหมดเข้าด้วยกัน
HTML Sitemap – ใช้สำหรับผู้ใช้งาน
HTML Sitemap จะแสดงลิงก์ของหน้าเว็บทั้งหมดในรูปแบบที่อ่านง่าย ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถหาหน้าที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาไม่สามารถหาสิ่งที่ต้องการผ่านเมนูหลักหรือการค้นหาภายในเว็บไซต์ ซึ่งมักจะวางไว้ในส่วนท้ายของเว็บไซต์ (footer) และมีชื่อว่า “แผนผังเว็บไซต์” หรือ “Sitemap” การมี HTML Sitemap นอกจากจะช่วยผู้ใช้แล้ว ยังช่วยในเรื่อง SEO ด้วย เพราะมันเพิ่มลิงก์ภายในเว็บไซต์ (internal links) ซึ่งช่วยให้ Googlebot สามารถค้นพบและเก็บข้อมูลหน้าเว็บได้มากขึ้น
Image & Video Sitemap – สำหรับเว็บไซต์ที่เน้นภาพและวิดีโอ
สำหรับเว็บไซต์ที่มีรูปภาพหรือวิดีโอจำนวนมาก การใช้ Image Sitemap หรือ Video Sitemap จะช่วยให้ Google เข้าใจและจัดทำดัชนีเนื้อหาประเภทนี้ได้ดียิ่งขึ้น เพราะมันจะช่วยให้ Google รู้ว่ามีรูปภาพอะไรบ้างในเว็บไซต์ของคุณ และช่วยเพิ่มโอกาสที่รูปภาพเหล่านั้นจะปรากฏใน Google Images ซึ่งเป็นแหล่งที่มาของการเข้าชมเว็บไซต์ที่สำคัญ
ส่วน Video Sitemap ก็เช่นเดียวกัน มันช่วยให้ Google รู้ว่ามีวิดีโออะไรบ้างในเว็บไซต์ของคุณ และช่วยให้วิดีโอเหล่านั้นปรากฏในผลการค้นหาวิดีโอของ Google ได้ง่ายขึ้น ทั้ง Image และ Video Sitemap สามารถรวมอยู่ใน XML Sitemap หลักได้ หรือจะแยกเป็นไฟล์ต่างหากก็ได้ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนและขนาดของเว็บไซต์
ทำไมเว็บไซต์ต้องมี Sitemap? สำคัญอย่างไรกับ SEO
หลายคนสงสัยว่า “จำเป็นต้องมี Sitemap หรือไม่?” คำตอบคือ ในทางเทคนิคแล้ว ไม่จำเป็น แต่การมีไฟล์รวบรวมลิงก์จะมีประโยชน์อย่างมากต่อเว็บไซต์ของคุณ โดยเฉพาะในแง่ของ SEO
ประโยชน์ของ Sitemap มีดังนี้
ช่วยให้ Google พบหน้าใหม่เร็วขึ้น
เมื่อคุณเพิ่มหน้าใหม่ในเว็บไซต์และอัปเดต Sitemap จะช่วยให้ Google รู้ว่ามีหน้าใหม่เกิดขึ้น และมาเก็บข้อมูลเร็วขึ้น
ช่วยหน้าที่เข้าถึงยาก
สำหรับหน้าที่ไม่มีลิงก์จากหน้าอื่นๆ หรือมีลิงก์น้อย (orphan pages) Sitemap จะช่วยให้ Google สามารถพบหน้าเหล่านี้ได้
เพิ่มประสิทธิภาพในการเก็บข้อมูล
ไฟล์รวบรวมลิงก์ช่วยให้ Googlebot ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้สามารถเก็บข้อมูลได้มากขึ้นในระยะเวลาเท่ากัน
บอกความสำคัญของหน้าต่าง ๆ
คุณสามารถกำหนดค่าความสำคัญ (priority) ให้กับแต่ละหน้า เพื่อบอก Google ว่าหน้าไหนสำคัญกว่ากัน
ช่วยเว็บไซต์ขนาดใหญ่
สำหรับเว็บไซต์ที่มีหน้าเว็บจำนวนมาก Sitemap จะช่วยให้ Google สามารถเก็บข้อมูลได้ครบถ้วนมากขึ้น
ช่วยเว็บไซต์ใหม่
เว็บไซต์ใหม่ที่ยังมีลิงก์จากเว็บไซต์อื่นน้อย การมีไฟล์รวบรวมลิงก์จะช่วยให้ Google พบและเก็บข้อมูลหน้าต่าง ๆ ได้เร็วขึ้น
ลดเวลาในการเก็บข้อมูล
แทนที่ Googlebot จะต้องไล่ตามลิงก์ไปเรื่อย ๆ เพื่อหาหน้าใหม่ มันสามารถดูจากไฟล์รวบรวมลิงก์และรู้ทันทีว่ามีหน้าอะไรบ้าง
ช่วยในการจัดลำดับความสำคัญ
Google มีเวลาและทรัพยากรจำกัดในการเก็บข้อมูลเว็บไซต์ Sitemap ช่วยให้ Google รู้ว่าควรให้ความสำคัญกับหน้าไหนก่อน
แม้ว่าไฟล์รวบรวมลิงก์จะไม่ได้เป็นปัจจัยโดยตรงในการจัดอันดับ แต่มันช่วยให้ Google เข้าใจเว็บไซต์ของคุณดีขึ้น ซึ่งส่งผลทางอ้อมต่อการจัดอันดับ เพราะหากหน้าเว็บของคุณไม่ถูกเก็บข้อมูล มันก็ไม่มีทางติดอันดับได้เลย
วิธีสร้าง Sitemap และส่งให้ Google อย่างถูกต้อง
รูปภาพจาก : sitemaps.org
การสร้าง Sitemap ไม่ใช่เรื่องยาก มีหลายวิธีที่คุณสามารถทำได้ทั้งแบบฟรีและมีค่าใช้จ่าย
สำหรับผู้ที่ใช้ WordPress สามารถใช้ปลั๊กอิน Yoast SEO หรือ Rank Math ซึ่งทั้งสองตัวนี้จะสร้าง XML Sitemap ให้โดยอัตโนมัติ หลังจากติดตั้งและเปิดใช้งานแล้ว คุณจะสามารถเข้าถึง Sitemap ได้ที่
https://yourwebsite.com/sitemap_index.xml
หรือ
https://yourwebsite.com/sitemap.xml
ขึ้นอยู่กับปลั๊กอินที่คุณใช้
สำหรับเว็บไซต์ที่ไม่ได้ใช้ WordPress คุณสามารถใช้เครื่องมือออนไลน์ เช่น XML-Sitemaps.com ซึ่งเป็นเครื่องมือฟรีที่จะช่วยสร้าง Sitemap ให้กับเว็บไซต์ของคุณ หรือหากคุณต้องการความยืดหยุ่นมากขึ้น คุณสามารถใช้เครื่องมือแบบมีค่าใช้จ่าย เช่น Screaming Frog หรือ Sitebulb
เมื่อคุณมีไฟล์ที่รวบรวมลิงก์นี้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการส่งให้ Google รับรู้ ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้
- เพิ่ม Sitemap ใน robots.txt ซึ่งสามารถระบุตำแหน่งของไฟล์รวบรวมลิงก์ใน robots.txt เพื่อให้ Googlebot รู้ว่า Sitemap อยู่ที่ไหน โดยเพิ่มบรรทัดนี้
Sitemap: https://www.example.com/sitemap.xml
ส่ง Sitemap ผ่าน Google Search Console: วิธีนี้เป็นวิธีที่แนะนำที่สุด เพราะคุณจะได้รับรายงานเกี่ยวกับสถานะและจำนวนหน้าที่ถูกเก็บข้อมูล วิธีการคือ
- ลงทะเบียนเว็บไซต์ของคุณกับ Google Search Console
- ไปที่เมนู ‘Sitemaps’
- ป้อน URL ของ Sitemap และกดปุ่ม ‘Submit’
หลังจากส่งไฟล์รวบรวมลิงก์แล้ว คุณสามารถร้องขอให้ Google เก็บข้อมูลเว็บไซต์ของคุณใหม่ได้ ซึ่งจะช่วยให้ Google เก็บข้อมูลและอัปเดตดัชนีเร็วขึ้น
หากเว็บไซต์มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาบ่อย ควรอัปเดต Sitemap เป็นประจำ ซึ่งปลั๊กอินส่วนใหญ่จะทำให้โดยอัตโนมัติ แต่หากคุณสร้างเอง คุณจะต้องอัปเดตด้วยตัวเองเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ
วิธีตรวจสอบ Sitemap ว่าใช้งานได้หรือไม่
การมีไฟล์รวบรวมลิงก์ไม่ได้หมายความว่ามันจะทำงานได้อย่างถูกต้องเสมอไป มีหลายสิ่งที่อาจทำให้ Sitemap ของคุณมีปัญหา เช่น รูปแบบ XML ไม่ถูกต้อง, URL ที่ระบุในนั้นไม่สามารถเข้าถึงได้, หรือมีข้อมูลที่ไม่ทันสมัย
เพื่อให้แน่ใจว่าไฟล์รวบรวมลิงก์ของคุณทำงานได้อย่างถูกต้อง ควรตรวจสอบดังนี้
ตรวจสอบความถูกต้องของรูปแบบ XML
ด้วยการใช้เครื่องมือ XML Validator เพื่อตรวจสอบว่า Sitemap ของคุณมีรูปแบบ XML ที่ถูกต้องหรือไม่ เครื่องมือฟรีเช่น W3C XML Validator สามารถใช้ได้
ตรวจสอบใน Google Search Console
หลังจากส่งให้กับ Google Search Console แล้ว คุณจะเห็นสถานะของมันได้ หากมีปัญหา Google จะแจ้งให้คุณทราบ
ตรวจสอบ URL ในบราวเซอร์
ลองเปิด URL ของ Sitemap ในบราวเซอร์ หากมันแสดงผลเป็นไฟล์ XML ที่อ่านได้ แสดงว่ามันทำงานได้ดี แต่หากมีข้อผิดพลาด เช่น 404 Not Found หรือ 500 Internal Server Error แสดงว่ามีปัญหาที่ต้องแก้ไข
ใช้เครื่องมือตรวจสอบ Sitemap
มีเครื่องมือออนไลน์หลายตัวที่สามารถตรวจสอบ Sitemap ของคุณได้ เช่น SEMrush, Ahrefs, หรือ Screaming Frog ซึ่งจะช่วยหาปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้
ตรวจสอบจำนวนหน้าที่ถูกเก็บข้อมูล
ใน Google Search Console คุณสามารถดูได้ว่ามีกี่หน้าที่ถูกส่งผ่าน Sitemap และกี่หน้าที่ Google เก็บข้อมูลจริงๆ หากมีความแตกต่างกันมาก คุณควรตรวจสอบว่าทำไม
การตรวจสอบและแก้ไขปัญหาเหล่านี้จะช่วยให้ไฟล์รวบรวมลิงก์ของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลดีต่อการทำ SEO ในระยะยาว
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Sitemap
จำเป็นต้องอัปเดต Sitemap บ่อยแค่ไหน?
ความถี่ในการอัปเดต Sitemap ขึ้นอยู่กับความถี่ในการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาของเว็บไซต์คุณ หากคุณเพิ่มหรือแก้ไขเนื้อหาบ่อย เช่น เว็บข่าวหรือบล็อกที่มีการโพสต์ใหม่ทุกวัน คุณควรอัปเดต Sitemap ทุกวันหรือทุกครั้งที่มีการเพิ่มเนื้อหาใหม่ แต่หากเว็บไซต์ของคุณมีการเปลี่ยนแปลงน้อย เช่น เว็บไซต์ของบริษัทที่แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหา การอัปเดตทุกเดือนหรือทุกไตรมาสก็เพียงพอ
จำเป็นต้องอัปเดต Sitemap บ่อยแค่ไหน?
หากเว็บไซต์มีการเพิ่มเนื้อหาใหม่บ่อยๆ ควรอัปเดตเป็นประจำ และแจ้งให้เสิร์ชเอนจินทราบเพื่อให้สามารถจัดทำดัชนีได้เร็วขึ้น
เว็บไซต์ขนาดเล็กจำเป็นต้องมี Sitemap หรือไม่?
แม้ว่าเว็บไซต์ขนาดเล็กที่มีโครงสร้างง่ายอาจไม่จำเป็นต้องมีไฟล์รวบรวมลิงก์เสมอไป แต่การมี Sitemap ยังคงเป็นประโยชน์ในการช่วยให้เสิร์ชเอนจินเข้าใจและจัดทำดัชนีหน้าเว็บได้ดีขึ้น
สรุป
Sitemap เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เว็บไซต์ได้รับการจัดทำดัชนีจากเสิร์ชเอนจินอย่างมีประสิทธิภาพ และส่งผลดีต่อ SEO โดยตรง ไม่ว่าคุณจะมีเว็บไซต์ขนาดเล็กหรือใหญ่ การสร้างและดูแล Sitemap อย่างถูกต้องจะช่วยให้เว็บของคุณมีโอกาสแสดงผลในอันดับที่ดีขึ้นบนหน้าค้นหาของ Google
หากเว็บไซต์ของคุณไม่มี Traffic เข้ามาเลย ดูไม่น่าใช้งาน หรือต้องการทำเว็บไซต์ใหม่ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าของคุณ สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของ Yes Web Design Studio ได้เลย เราเป็นบริษัทเว็บดีไซน์แนวหน้าในไทย รับทำเว็บไซต์ครบวงจร ซึ่งรวมไปถึงบริการรับทำ SEO และการตลาดออนไลน์ด้วยเช่นกัน
Yes Web Design Studio
Tel. : 096-879-5445
LINE : @yeswebdesign
E-mail : [email protected]
Address : ชั้น 17 อาคารวิทยกิตติ์ ถนนพญาไท วังใหม่ ปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 (สถานี BTS สยาม)