Google Shopping Ads เทคนิคเพิ่มยอดขายที่ช่วยร้านค้าออนไลน์โตไว

บทความโดย Yes Web Design Studio

Google Shopping Ads เทคนิคเพิ่มยอดขายที่ช่วยร้านค้าออนไลน์โตไว
Table of Contents

ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจออนไลน์เพิ่มสูงขึ้นทุกวัน การทำให้สินค้าของคุณโดดเด่นและเข้าถึงลูกค้าที่กำลังมองหาสินค้าเหล่านั้นอย่างตรงจุดกลายเป็นเรื่องสำคัญ Google Shopping Ads เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ร้านค้าออนไลน์สามารถแสดงสินค้าพร้อมรายละเอียดต่าง ๆ ในหน้าผลการค้นหาของ Google ได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ Google Shopping Ads และวิธีการใช้งานเพื่อเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจของคุณ

 

 

Google Shopping Ads คืออะไร?

 

Google Shopping Ads คืออะไร?

 

Google Shopping Ads คือรูปแบบโฆษณาที่แสดงข้อมูลสินค้าโดยตรงบนหน้าผลการค้นหาของ Google โดยแสดงทั้งรูปภาพสินค้า ชื่อสินค้า ราคา และชื่อร้านค้า เมื่อผู้ใช้ค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับสินค้านั้น ๆ

 

การทำงานของโฆษณารูปแบบนี้คือการอาศัยข้อมูลจาก Product Feed ที่คุณอัปโหลดไปยัง Google Merchant Center ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยจัดการข้อมูลสินค้าของคุณให้แสดงผลบน Google ได้อย่างถูกต้อง โดย Google จะนำข้อมูลเหล่านี้ไปแสดงในรูปแบบโฆษณาที่น่าสนใจและดึงดูดลูกค้าได้มากกว่าโฆษณาแบบข้อความทั่วไป

 

Smart Shopping Campaign คืออะไร?

Smart Shopping Campaign เป็นรูปแบบการทำโฆษณา Google Shopping ที่ใช้ระบบอัตโนมัติและ AI ในการจัดการแคมเปญโฆษณา โดยระบบจะปรับเปลี่ยนการแสดงผลโฆษณาให้เหมาะสมกับพฤติกรรมผู้ใช้แต่ละคน

 

คุณสมบัติสำคัญ

  • ระบบจะบริหารจัดการงบประมาณและการประมูลอัตโนมัติ
  • ผสมผสานการโฆษณาทั้งบน Google Search, Display Network, YouTube และ Gmail
  • ปรับแคมเปญตามข้อมูลเชิงลึกจากพฤติกรรมผู้ใช้
  • แสดงผลโฆษณาในหลายรูปแบบเพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึง

 

 

ข้อดีของการใช้ Google Shopping Ads

 

ข้อดีของการใช้ Google Shopping Ads

 

การใช้ Google Shopping Ads มีข้อดีมากมายสำหรับร้านค้าออนไลน์

 

แสดงข้อมูลสินค้าที่ครบถ้วน – ลูกค้าสามารถเห็นทั้งรูปภาพ ราคา และชื่อแบรนด์ก่อนคลิกเข้าชม ทำให้มีโอกาสได้ลูกค้าที่สนใจจริง ๆ

เพิ่มอัตราการคลิก (CTR) – ด้วยรูปแบบที่ดึงดูดสายตาและมีข้อมูลครบถ้วน ทำให้ได้รับการคลิกมากกว่าโฆษณาแบบข้อความทั่วไป

เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีความตั้งใจซื้อสูง – ผู้ที่ค้นหาสินค้าพร้อมดูรายละเอียดต่างๆ มักมีความตั้งใจในการซื้อสูงกว่าการค้นหาทั่วไป

ใช้งานได้บนหลายอุปกรณ์ – แสดงผลได้ทั้งบนคอมพิวเตอร์และมือถือ ทำให้เข้าถึงลูกค้าได้ทุกที่ทุกเวลา

วิเคราะห์ผลได้แม่นยำ – มีระบบรายงานผลที่ละเอียด ช่วยให้ปรับปรุงแคมเปญได้ตรงจุด

ดึงดูดผู้เข้าชมที่มีคุณภาพ – ผู้ที่คลิก Shopping Ads มักจะมีความสนใจในสินค้าและมีแนวโน้มที่จะซื้อสูง เนื่องจากเห็นรูปภาพและราคาเบื้องต้นแล้ว

บริหารจัดการแคมเปญง่าย – Google จะใช้ข้อมูลสินค้าของคุณเพื่อจับคู่กับคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง ทำให้ไม่ต้องจัดการคำหลักจำนวนมาก

 

 

Google Shopping Ads vs. Google Search Ads แตกต่างกันยังไง?

 

คำค้นหา (Keyword)

Google Search Ads – คุณต้องกำหนดคำค้นหาที่ต้องการให้โฆษณาปรากฏ และจัดการประมูลราคาสำหรับแต่ละคำค้นหาเอง

Google Shopping Ads – ระบบจะจับคู่คำค้นหากับข้อมูลสินค้าในฟีดของคุณโดยอัตโนมัติ โดยดูจากข้อมูลสินค้า เช่น ชื่อสินค้า คำอธิบาย และหมวดหมู่

 

การแนะนำสินค้าหรือบริการ (Offer)

Google Search Ads – เน้นนำเสนอด้วยข้อความ ซึ่งคุณสามารถสร้างสรรค์ข้อความโฆษณาได้อย่างอิสระ

Google Shopping Ads – นำเสนอข้อมูลสินค้าที่เฉพาะเจาะจง โดยแสดงภาพสินค้า ราคา ชื่อร้านค้า และรายละเอียดอื่น ๆ ตามที่กำหนดไว้ในฟีดสินค้า

 

รูปแบบการนำเสนอ (Appearance)

Google Search Ads – แสดงเป็นข้อความล้วน มีหัวข้อและคำอธิบาย

Google Shopping Ads – แสดงเป็นรูปแบบการ์ดสินค้า ที่มีรูปภาพประกอบ ทำให้ดึงดูดความสนใจได้มากกว่า

 

 

ทำไมร้านค้าออนไลน์ควรใช้ Google Shopping Ads?

 

การแสดงสินค้าในผลการค้นหา

Google Shopping Ads ช่วยให้สินค้าของคุณปรากฏในตำแหน่งที่โดดเด่นบนหน้าผลการค้นหา โดยมักจะแสดงอยู่ด้านบนหรือด้านขวาของหน้า ทำให้ผู้ใช้สังเกตเห็นได้ง่าย เมื่อผู้ใช้กำลังค้นหาสินค้าที่ตรงกับสิ่งที่คุณขาย โอกาสที่พวกเขาจะเห็นสินค้าของคุณก็มีมากขึ้น

 

การแสดงผลในรูปแบบภาพประกอบและรายละเอียดสินค้า ทำให้ผู้ใช้สามารถเปรียบเทียบสินค้าของคุณกับคู่แข่งได้ทันที หากสินค้าของคุณมีจุดเด่นในเรื่องราคา หรือมีรูปภาพที่ดึงดูดใจ ก็มีโอกาสได้รับการคลิกมากขึ้น

 

การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างแม่นยำ

Google Shopping Ads มีความสามารถในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจในสินค้าของคุณอย่างแท้จริง เนื่องจากโฆษณาจะปรากฏเมื่อผู้ใช้ค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับสินค้าของคุณ

 

เพิ่ม Conversion ด้วยข้อมูลสินค้าโดยตรง

เมื่อผู้ใช้คลิกที่โฆษณา Google Shopping เขาจะเห็นข้อมูลสินค้าที่สำคัญ เช่น ราคา และรูปภาพ ก่อนที่จะตัดสินใจคลิก ทำให้ผู้ที่คลิกเข้ามาที่เว็บไซต์ของคุณมีแนวโน้มที่จะเป็นลูกค้าที่มีความตั้งใจซื้อสูง ส่งผลให้อัตราการแปลงผู้เข้าชมเป็นลูกค้า (Conversion Rate) สูงขึ้น

 

ไม่ต้องเสียเวลาในการปรับคีย์เวิร์ด

หนึ่งในข้อดีที่สำคัญของ Google Shopping Ads คือไม่จำเป็นต้องเสียเวลาในการคิดค้นและปรับแต่งคีย์เวิร์ดมากมาย ระบบจะทำการจับคู่คำค้นหาของผู้ใช้กับข้อมูลสินค้าในฟีดของคุณโดยอัตโนมัติ

 

 

Google Shopping ads ทำงานอย่างไร

 

โครงสร้างการแสดงผลใน Google

โฆษณาที่แสดงเมื่อมีการค้นหา (Search Result)

เมื่อผู้ใช้ค้นหาสินค้าใน Google โฆษณา Shopping จะปรากฏในรูปแบบต่าง ๆ

 

Shopping Carousel – แสดงเป็นแถวการ์ดสินค้าแนวนอนด้านบนของหน้าผลการค้นหา

Shopping Knowledge Panel – แสดงรายละเอียดสินค้าเมื่อค้นหาชื่อสินค้าโดยเฉพาะเจาะจง

Shopping Tab – แสดงรายการสินค้าในแท็บ “ช้อปปิ้ง” บน Google

 

แต่ละรูปแบบมีจุดเด่นในการแสดงผลต่างกัน การที่โฆษณาของคุณจะปรากฏในรูปแบบใดขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น คำค้นหา คุณภาพของข้อมูลสินค้า และการแข่งขันในการประมูล

 

โฆษณาที่แสดงในรูปแบบ (Remarketing)

นอกจากการแสดงผลในการค้นหาแล้ว Google Shopping Ads ยังสามารถปรากฏในรูปแบบ Remarketing ได้อีกด้วย โดยจะแสดงสินค้าที่ผู้ใช้เคยเข้าชมหรือสินค้าที่คล้ายคลึงกัน บนเครือข่ายโฆษณาของ Google ทำให้มีโอกาสดึงลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าได้มากขึ้น

 

รูปแบบการแสดงผล Remarketing ที่น่าสนใจ

  • Dynamic Remarketing ที่แสดงสินค้าเฉพาะที่ผู้ใช้เคยดู
  • Similar Audiences ที่แสดงโฆษณาให้กับกลุ่มผู้ใช้ที่มีพฤติกรรมคล้ายกับลูกค้าของคุณ

 

การจับคู่คำค้นหากับสินค้า

Google ใช้ระบบอัจฉริยะในการจับคู่คำค้นหาของผู้ใช้กับสินค้าในฟีดของคุณ โดยพิจารณาจากข้อมูลต่าง  ๆ ในฟีดสินค้า เช่น

  • ชื่อสินค้า
  • คำอธิบายสินค้า
  • หมวดหมู่สินค้า
  • แบรนด์
  • คำหลักที่เกี่ยวข้อง (GTIN, MPN, ฯลฯ)

 

ความแม่นยำในการจับคู่นี้ขึ้นอยู่กับคุณภาพของข้อมูลสินค้าที่คุณอัปโหลด หากข้อมูลมีความละเอียดและครบถ้วน ระบบจะสามารถจับคู่กับคำค้นหาที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ความสำคัญของข้อมูลสินค้า (Product Feed)

Product Feed คือไฟล์ที่รวบรวมข้อมูลสินค้าทั้งหมดของคุณในรูปแบบที่ Google สามารถอ่านและเข้าใจได้ โดยทั่วไปจะอยู่ในรูปแบบ XML, CSV หรือ TXT ข้อมูลนี้จะถูกอัปโหลดไปยัง Google Merchant Center เพื่อใช้ในการสร้างโฆษณา Shopping

 

ข้อมูลสำคัญที่ควรมีใน Product Feed

  • รหัสสินค้า (ID)
  • ชื่อสินค้า (Title)
  • คำอธิบายสินค้า (Description)
  • ลิงก์ของหน้าสินค้า (Link)
  • ลิงก์ของรูปภาพสินค้า (Image Link)
  • สถานะสินค้า (Availability)
  • ราคา (Price)
  • แบรนด์ (Brand)
  • หมวดหมู่สินค้า (Google Product Category)
  • รหัสสากล เช่น GTIN, UPC, EAN, JAN, ISBN (ถ้ามี)
  • รหัสผู้ผลิต (MPN) (ถ้ามี)

 

คุณภาพของ Product Feed มีผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพของแคมเปญ Google Shopping ของคุณ ข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน และอัปเดตอยู่เสมอจะช่วยให้โฆษณาของคุณปรากฏในการค้นหาที่เกี่ยวข้องมากขึ้น

 

วิธีโฆษณาสินค้าบน Google Shopping Ads

การเริ่มต้นใช้งาน Google Shopping Ads มีขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้

 

สมัคร Merchant Center

  1. เข้าไปที่เว็บไซต์ Google Merchant Center (merchants.google.com)
  2. ลงทะเบียนบัญชีใหม่ โดยกรอกข้อมูลธุรกิจของคุณให้ครบถ้วน
  3. ยืนยันตัวตนและสิทธิ์การเป็นเจ้าของเว็บไซต์ ซึ่งอาจทำได้หลายวิธี เช่น อัปโหลดไฟล์ HTML หรือเพิ่ม HTML tag ลงในเว็บไซต์ของคุณ
  4. ตั้งค่าภาษีและการจัดส่ง (ถ้าต้องการใช้ฟีเจอร์ช้อปปิ้งแบบ Free listing)

 

สร้างและอัปโหลด Product Feed

  1. เตรียมข้อมูลสินค้าในรูปแบบไฟล์ CSV, XML หรือ TXT ตามมาตรฐานของ Google
  2. ตรวจสอบข้อมูลให้ครบถ้วนตามที่ Google กำหนด โดยเฉพาะข้อมูลที่จำเป็น เช่น ID, ชื่อสินค้า, ราคา, ลิงก์, และรูปภาพ
  3. อัปโหลดไฟล์ไปยัง Merchant Center โดยไปที่เมนู “Products” แล้วเลือก “Feeds”
  4. ตรวจสอบว่าไม่มีข้อผิดพลาดในการอัปโหลด หากมีปัญหา ควรแก้ไขและอัปโหลดใหม่

 

สำหรับร้านค้าที่มีสินค้าจำนวนมาก อาจพิจารณาใช้ Content API for Shopping เพื่อจัดการข้อมูลสินค้าอย่างเป็นระบบ หรือใช้ปลั๊กอินสำหรับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เช่น WooCommerce, Shopify ที่สามารถส่งข้อมูลสินค้าไปยัง Merchant Center ได้โดยอัตโนมัติ

 

เชื่อมต่อกับ Google Ads

  1. เข้าสู่ระบบ Merchant Center แล้วไปที่เมนู “Linked accounts”
  2. เลือก “Google Ads” และกดปุ่ม “Link”
  3. ใส่ ID ของบัญชี Google Ads ที่ต้องการเชื่อมต่อ
  4. ยืนยันการเชื่อมต่อในบัญชี Google Ads ของคุณ

 

การเชื่อมต่อนี้จะทำให้คุณสามารถใช้ข้อมูลสินค้าจาก Merchant Center มาสร้างแคมเปญโฆษณา Shopping ได้

 

ตั้งค่าแคมเปญ Shopping Ads

  1. เข้าสู่ระบบ Google Ads
  2. สร้างแคมเปญใหม่ โดยเลือกเป้าหมายเป็น “Sales” หรือ “Website traffic”
  3. เลือกประเภทแคมเปญเป็น “Shopping”
  4. ตั้งค่ารายละเอียดแคมเปญ
    • ชื่อแคมเปญ
    • เว็บไซต์ร้านค้า
    • ประเทศที่ต้องการโฆษณา
    • งบประมาณต่อวัน
    • กลยุทธ์การประมูล (Bidding strategy)
    • กำหนดกลุ่มเป้าหมาย (เช่น ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์, อุปกรณ์)

 

หากต้องการใช้งาน Smart Shopping Campaign ให้เลือกประเภทแคมเปญเป็น “Smart Shopping” ซึ่งจะมีการตั้งค่าที่ง่ายกว่า แต่จะมีการควบคุมรายละเอียดน้อยกว่า

 

เมื่อตั้งค่าเสร็จแล้ว กดเผยแพร่แคมเปญ ระบบจะใช้เวลาประมาณ 1-2 วันในการอนุมัติโฆษณาของคุณ

 

 

อยากเพิ่มยอดขายต้อทำยังไง?

 

ตั้งชื่อสินค้าให้ดึงดูด

ชื่อสินค้าเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการแสดงผลและอัตราการคลิกของโฆษณา Shopping ควรตั้งชื่อให้มีรายละเอียดครบถ้วนและดึงดูดความสนใจของลูกค้า

 

เคล็ดลับในการตั้งชื่อสินค้า

  • ใส่คำสำคัญที่ลูกค้ามักใช้ค้นหาไว้ในส่วนต้นของชื่อสินค้า
  • ระบุคุณลักษณะสำคัญของสินค้า เช่น แบรนด์ รุ่น สี ขนาด วัสดุ
  • จำกัดความยาวชื่อให้อยู่ระหว่าง 70-150 ตัวอักษร (โดยที่ส่วนที่มองเห็นได้บนโฆษณามีประมาณ 70 ตัวอักษร)
  • หลีกเลี่ยงการใช้อักขระพิเศษหรือคำที่ไม่จำเป็น
  • ใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายและตรงประเด็น

 

การใช้ภาพคุณภาพสูง

ภาพสินค้าเป็นสิ่งแรกที่ลูกค้าจะสังเกตเห็นในโฆษณา Shopping การใช้ภาพที่มีคุณภาพสูงและดึงดูดสายตาจะช่วยเพิ่มอัตราการคลิกได้อย่างมาก

 

เทคนิคการเลือกใช้รูปในการทำ Google Shopping Ads

  • ใช้ภาพพื้นหลังสีขาวหรือสีอ่อนเพื่อให้สินค้าโดดเด่น
  • ถ่ายภาพสินค้าจากหลายมุม โดยเฉพาะมุมที่แสดงคุณสมบัติสำคัญของสินค้า
  • ใช้ภาพที่มีความละเอียดสูง อย่างน้อย 800×800 พิกเซล (Google แนะนำให้ใช้ 1600×1600 พิกเซล)
  • หลีกเลี่ยงการใส่โลโก้ ข้อความ หรือกรอบในภาพสินค้า
  • ภาพควรแสดงสินค้าจริงที่ลูกค้าจะได้รับ ไม่ใช่ภาพกราฟิกหรือภาพที่มีการตกแต่งมากเกินไป
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าภาพโหลดได้เร็วและปรากฏอย่างถูกต้องบนอุปกรณ์ต่าง ๆ

 

การอัปโหลดภาพที่มีคุณภาพสูงและตรงตามข้อกำหนดของ Google จะช่วยให้โฆษณาของคุณได้รับการอนุมัติเร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

ตั้งราคาสินค้าให้แข่งได้ในตลาด

ราคาเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ลูกค้าใช้ในการตัดสินใจซื้อ การตั้งราคาที่เหมาะสมและแข่งขันได้ในตลาดจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าของคุณ

 

กลยุทธ์การตั้งราคาที่มีประสิทธิภาพ

  • ศึกษาราคาสินค้าของคู่แข่งในหน้าผลการค้นหาของ Google Shopping
  • พิจารณาต้นทุนและกำไรขั้นต่ำที่ยอมรับได้ในการตั้งราคา
  • เสนอราคาพิเศษหรือส่วนลดเป็นระยะเพื่อกระตุ้นการซื้อ
  • ใช้ฟีเจอร์ “Promotions” ใน Merchant Center เพื่อแสดงส่วนลดหรือโปรโมชันบนโฆษณา
  • ปรับราคาตามฤดูกาลหรือช่วงเทศกาลสำคัญ

 

นอกจากการตั้งราคาแล้ว ควรระบุค่าจัดส่งให้ชัดเจนใน Merchant Center ด้วย เนื่องจากลูกค้ามักพิจารณาค่าจัดส่งร่วมกับราคาสินค้าในการตัดสินใจซื้อ

 

วิเคราะห์ผลและปรับกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง

การวิเคราะห์ผลการทำงานของแคมเปญและปรับกลยุทธ์อย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพของ Google Shopping Ads

 

ตัวชี้วัดสำคัญที่ควรติดตาม

  • อัตราการแสดงผล (Impression)
  • อัตราการคลิก (Click-through Rate หรือ CTR)
  • ต้นทุนต่อการคลิก (Cost per Click หรือ CPC)
  • อัตราการแปลงผู้เข้าชมเป็นลูกค้า (Conversion Rate)
  • รายได้จากการโฆษณา (Revenue)
  • ผลตอบแทนจากการลงทุนโฆษณา (Return on Ad Spend หรือ ROAS)

 

การปรับกลยุทธ์ที่ควรทำอย่างต่อเนื่อง

  1. ปรับปรุงคุณภาพข้อมูลสินค้า – ทบทวนและปรับปรุงชื่อสินค้า คำอธิบาย และหมวดหมู่ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า
  2. ปรับเปลี่ยนราคาประมูล – เพิ่มหรือลดราคาประมูลตามประสิทธิภาพของกลุ่มสินค้าต่างๆ
  3. จัดกลุ่มสินค้าใหม่ – แบ่งกลุ่มสินค้าตามประสิทธิภาพเพื่อให้สามารถจัดการงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  4. ทดสอบภาพสินค้า – ทดลองใช้ภาพสินค้าหลายแบบเพื่อดูว่าแบบไหนได้ผลดีที่สุด
  5. ใช้ข้อมูลเชิงลึกจาก Search Terms Report – ตรวจสอบคำค้นหาที่ทำให้โฆษณาของคุณปรากฏ และใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงข้อมูลสินค้า

 

การวิเคราะห์ผลและปรับกลยุทธ์ไม่ควรทำเพียงครั้งเดียว แต่ควรทำอย่างสม่ำเสมอ เช่น ทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน เพื่อให้แคมเปญมีประสิทธิภาพสูงสุด

 

 

สรุป

Google Shopping Ads เป็นเครื่องมือทรงพลังสำหรับร้านค้าออนไลน์ที่ต้องการเพิ่มยอดขายและเข้าถึงลูกค้าที่มีความตั้งใจซื้อสูง ด้วยรูปแบบการแสดงผลที่เน้นภาพและข้อมูลสินค้าที่ครบถ้วน ทำให้ลูกค้าสามารถเห็นสินค้าของคุณและตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

 

ความสำเร็จของการใช้ Google Shopping Ads ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ตั้งแต่คุณภาพของข้อมูลสินค้า ภาพถ่าย การตั้งราคา ไปจนถึงการวิเคราะห์ผลและปรับกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง การให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอนและปรับปรุงอยู่เสมอจะช่วยให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

 

หากคุณกำลังมองหาความช่วยเหลือในการพัฒนาเว็บไซต์หรือการตลาดดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำธุรกิจของคุณ เราขอแนะนำให้คุณติดต่อ Yes Web Design Studio ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบเว็บไซต์ รับทำ SEO และรับทำการตลาดออนไลน์ครบวงจร พร้อมช่วยพัฒนาเว็บไซต์ที่เหมาะสมกับความต้องการทางธุรกิจของคุณให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน

 

 

 

 

Yes Web Design Studio
Tel. : 096-879-5445
LINE : @yeswebdesign
E-mail : [email protected]
Address : ชั้น 17 อาคารวิทยกิตติ์ ถนนพญาไท วังใหม่ ปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 (สถานี BTS สยาม)

มีโปรเจกต์ในใจแล้วใช่ไหม ?