Google Display Network หรือ GDN คืออะไร? สิ่งที่ต้องรู้ก่อนทำการตลาด

บทความโดย Yes Web Design Studio

Google Display Network หรือ GDN คืออะไร? สิ่งที่ต้องรู้ก่อนทำการตลาด
Table of Contents

ในโลกการตลาดดิจิทัลที่แข่งขันสูง ทำให้แบรนด์ต่าง ๆ ต้องค้นหาช่องทางที่จะพาตัวเองไปอยู่ในสายตาของลูกค้าให้ได้มากที่สุด และ Google Display Network หรือ GDN ก็เป็นเครื่องมือทรงพลังที่ช่วยให้แบรนด์ปรากฏตัวต่อหน้าผู้ชมกลุ่มเป้าหมายด้วยโฆษณารูปแบบที่หลากหลาย ซึ่งการทำโฆษณาออนไลน์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การปรากฏในผลการค้นหาของ Google อีกต่อไป เพราะ GDN ช่วยเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ ๆ ในการสื่อสารกับลูกค้าผ่านเว็บไซต์นับล้านทั่วโลก และบทความนี้จะพาคุณเจาะลึกความเข้าใจเกี่ยวกับ Google Display Network และวิธีใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับธุรกิจของคุณ

 

 

GDN คืออะไร?

 

GDN คืออะไร?

 

Google Display Network คือเครือข่ายเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน และวิดีโอมากกว่า 2 ล้านแห่งที่ร่วมมือกับ Google เพื่อแสดงโฆษณา ซึ่งเครือข่ายนี้ครอบคลุมกว่า 90% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลก ทำให้แบรนด์สามารถแสดงโฆษณาภาพ วิดีโอ และข้อความไปยังผู้ชมในวงกว้างได้

 

เมื่อคุณใช้ GDN เท่ากับว่าคุณกำลังจ่ายเงินเพื่อให้โฆษณาของคุณปรากฏบนเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่ Google มีความร่วมมือด้วย ไม่ว่าจะเป็นบล็อก ข่าว เว็บไซต์ข้อมูล หรือแม้แต่แอปพลิเคชันบนมือถือ

 

GDN และ Google Search Ads ต่างกันอย่างไร?

Google Search Ads และ GDN มีความแตกต่างที่สำคัญในด้านวัตถุประสงค์และวิธีการทำงาน

 

Google Search Ads

 

  • แสดงเฉพาะในหน้าผลการค้นหาของ Google
  • ผู้ใช้กำลังค้นหาสินค้าหรือบริการโดยตรง (intent-based)
  • โฆษณาอยู่ในรูปแบบข้อความเท่านั้น
  • มักมีอัตราการคลิก (CTR) สูงและนำไปสู่การแปลงผลมากกว่า
  • เหมาะกับการดึงดูดลูกค้าที่มีความตั้งใจซื้อสูง

 

Google Display Network (GDN)

 

  • แสดงบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันในเครือข่าย
  • ผู้ใช้ไม่ได้กำลังค้นหาสินค้าของคุณโดยตรง (interest-based)
  • โฆษณาอยู่ในรูปแบบภาพ วิดีโอ หรือแบนเนอร์
  • มักมี CTR ต่ำกว่า แต่ครอบคลุมผู้ชมในวงกว้าง
  • เหมาะกับการสร้างการรับรู้แบรนด์และการตลาดซ้ำ

 

 

ตัวอย่างการแสดงโฆษณาผ่าน GDN

โฆษณา GDN สามารถปรากฏในหลายรูปแบบและหลายตำแหน่งบนเว็บไซต์ เช่น

 

  • แบนเนอร์ด้านบนของบทความข่าว
  • กล่องโฆษณาด้านข้างบนบล็อกเกี่ยวกับอาหาร
  • โฆษณาแทรกระหว่างเนื้อหาในเว็บไซต์ไลฟ์สไตล์
  • วิดีโอโฆษณาก่อนการรับชมคอนเทนต์บน YouTube
  • โฆษณาในแอปพลิเคชันเกมบนมือถือ

 

ลองนึกภาพว่าคุณกำลังอ่านบทความเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น และเห็นแบนเนอร์โฆษณาโรงแรมในโตเกียว หรือคุณกำลังเล่นเกมบนมือถือและมีโฆษณาอาหารเสริมปรากฏขึ้น นั่นคือตัวอย่างของ GDN ในการทำงาน

 

 

GDN ทำงานอย่างไร?

 

รูปแบบการแสดงผลของโฆษณาในเครือข่าย GDN

GDN มีรูปแบบการแสดงผลโฆษณาที่หลากหลาย แต่ละแบบมีจุดประสงค์และข้อดีต่างกัน

 

แบนเนอร์โฆษณา (Display Banners) – ภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหวที่มีขนาดมาตรฐาน เช่น 300×250, 728×90 หรือ 320×50 สำหรับมือถือ

 

 

โฆษณาแบบปรับตัวได้ (Responsive Display Ads) – โฆษณาที่ปรับขนาดและรูปแบบให้เข้ากับพื้นที่ที่มีอยู่โดยอัตโนมัติ คุณเพียงอัปโหลดองค์ประกอบต่าง ๆ และ Google จะจัดวางให้เหมาะสม

 

 

โฆษณารูปภาพ (Image Ads) – แบนเนอร์ที่คุณออกแบบเองทั้งหมด มีขนาดและรูปแบบที่กำหนด

 

 

โฆษณาวิดีโอ (Video Ads) – วิดีโอสั้น ๆ ที่เล่นก่อน ระหว่าง หรือหลังคอนเทนต์วิดีโอบน YouTube และเว็บไซต์พันธมิตร

 

 

โฆษณาแบบฟอร์ม (Lead Form Ads) – โฆษณาที่มีฟอร์มให้ผู้ชมกรอกข้อมูลโดยไม่ต้องออกจากหน้าเว็บ

 

 

 

การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย (Audience Targeting)

GDN มีความโดดเด่นในการกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ละเอียด ช่วยให้คุณแสดงโฆษณาให้กับคนที่มีแนวโน้มสนใจสินค้าหรือบริการของคุณ

 

Demographic Targeting – กำหนดเป้าหมายตามอายุ เพศ รายได้ หรือสถานะการเป็นผู้ปกครอง

 

 

Affinity Audiences – กลุ่มคนที่มีความสนใจหรือไลฟ์สไตล์คล้ายกัน เช่น คนรักการท่องเที่ยว หรือคนชอบทำอาหาร

 

 

In-Market Audiences – กลุ่มคนที่กำลังค้นหาหรือวางแผนซื้อสินค้าหรือบริการที่คล้ายกับของคุณ

 

 

Custom Segments – กลุ่มเป้าหมายที่คุณสร้างขึ้นเองจากคำค้นหาหรือเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ

 

 

Remarketing – แสดงโฆษณาให้กับคนที่เคยเยี่ยมชมเว็บไซต์หรือแอปของคุณมาก่อน

 

 

Similar Audiences – กลุ่มคนที่มีลักษณะคล้ายกับลูกค้าปัจจุบันของคุณ

 

 

Topic Targeting – กำหนดเป้าหมายตามหัวข้อของเว็บไซต์ที่จะแสดงโฆษณา

 

 

Placement Targeting – เลือกเว็บไซต์หรือหน้าเว็บเฉพาะที่คุณต้องการให้โฆษณาปรากฏ

 

 

 

ระบบการคิดค่าโฆษณา (CPM / CPC)

 

ระบบการคิดค่าโฆษณา (CPM / CPC)

 

GDN มีหลายรูปแบบในการคิดค่าโฆษณา ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของแคมเปญ

 

Cost Per Click (CPC) – คุณจ่ายเงินเมื่อมีคนคลิกที่โฆษณาของคุณ เหมาะสำหรับแคมเปญที่ต้องการทราฟฟิกไปยังเว็บไซต์

 

 

Cost Per Thousand Impressions (CPM) – คุณจ่ายต่อทุก 1,000 ครั้งที่โฆษณาถูกแสดง เหมาะสำหรับแคมเปญสร้างการรับรู้แบรนด์

 

 

Cost Per Acquisition (CPA) – คุณกำหนดราคาที่ยินดีจ่ายสำหรับการแปลงผลหนึ่งครั้ง เช่น การลงทะเบียนหรือการซื้อ

 

 

Cost Per View (CPV) – ใช้สำหรับโฆษณาวิดีโอ คุณจ่ายเมื่อคนดูวิดีโอของคุณอย่างน้อย 30 วินาทีหรือจนจบ (หากวิดีโอสั้นกว่า 30 วินาที)

 

 

วิธีประมูลอัตโนมัติ (Auto Bidding) – Google ปรับการประมูลโดยอัตโนมัติเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่คุณตั้งไว้ เช่น การเพิ่มการแปลงผลสูงสุด หรือค่า CPA เป้าหมาย

 

อ่านบทความเพิ่มเติม : ตัวชี้วัด CPC, CPM, CPA คืออะไร แต่ละตัวต่างกันอย่างไรบ้าง

 

 

ข้อดีของการใช้ GDN

 

การเข้าถึงผู้ใช้งานจำนวนมาก

GDN เปรียบเสมือนตลาดกลางอันยิ่งใหญ่ที่รวบรวมผู้คนจากทั่วทุกมุมโลก ด้วยเครือข่ายที่ครอบคลุมกว่า 2 ล้านเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน การโฆษณาบน GDN จึงสามารถเข้าถึงผู้ชมได้มากกว่า 90% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลก

 

การกำหนดกลุ่มเป้าหมายอย่างละเอียด

GDN ช่วยให้คุณกำหนดเป้าหมายโฆษณาได้อย่างแม่นยำได้ เช่น กำหนดเป้าหมายตามข้อมูลประชากรศาสตร์ ความสนใจและพฤติกรรมออนไลน์ กำหนดเป้าหมายตามคำสำคัญและเนื้อหาเว็บไซต์ กำหนดเป้าหมายตามตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์

 

การสร้าง Brand Awareness ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

GDN เป็นเครื่องมือที่ดีสำหรับการสร้างการรับรู้แบรนด์ เพราะสามารถแสดงองค์ประกอบภาพที่จดจำได้เช่นโลโก้ สี และข้อความสำคัญของแบรนด์

 

โดยแบรนด์ใหม่สามารถใช้ GDN เพื่อแนะนำตัวเองให้กับตลาด ในขณะที่แบรนด์ที่มีอยู่แล้วสามารถใช้เพื่อรักษาตำแหน่งในใจของลูกค้า แม้ผู้ชมจะไม่คลิกโฆษณาในทันที แต่การเห็นแบรนด์ของคุณซ้ำ ๆ จะช่วยสร้างความคุ้นเคยและความไว้วางใจเมื่อพวกเขาพร้อมที่จะซื้อ

 

กระตุ้นการพิจารณา (Consideration)

GDN ช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคพิจารณาสินค้าหรือบริการของคุณในขณะที่พวกเขากำลังค้นหาข้อมูลหรือเปรียบเทียบตัวเลือกต่าง ๆ เช่น สมมติว่าผู้บริโภคกำลังอ่านบทความเกี่ยวกับการเลือกซื้อรถยนต์ และเห็นโฆษณารถยนต์รุ่นใหม่ของคุณพร้อมจุดเด่นสำคัญ นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะโน้มน้าวผู้บริโภคในช่วงเวลาสำคัญของกระบวนการตัดสินใจซื้อ

 

ทำการตลาดซ้ำ (Remarketing)

Remarketing เป็นคุณสมบัติที่ทรงพลังของ GDN ที่ช่วยให้คุณแสดงโฆษณาให้กับผู้ที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ของคุณมาก่อน เช่น เยี่ยมชมเว็บไซต์ ดูสินค้า หรือเพิ่มสินค้าลงในตะกร้า และเมื่อลูกค้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณและออกไปโดยไม่ซื้อ คุณก็สามารถใช้ข้อเสนอต่าง ๆ เช่น โฆษณา เพื่อกระตุ้นให้พวกเขากลับมาและทำการซื้อได้

 

รูปแบบโฆษณาที่น่าดึงดูด

โฆษณาภาพและวิดีโอสามารถเล่าเรื่องราวและกระตุ้นอารมณ์ได้ในแบบที่โฆษณาข้อความไม่สามารถทำได้ GDN ให้พื้นที่สำหรับความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบโฆษณาที่สะดุดตาและน่าจดจำ โดยสามารถใช้ภาพที่น่าประทับใจ แอนิเมชัน หรือวิดีโอสั้น ๆ เพื่อดึงดูดความสนใจ และใช้ CTA หรือ call-to-action ที่โน้มน้าวใจเพื่อกระตุ้นการตอบสนอง

 

อ่านบทความเพิ่มเติม : CTA หรือ Call to Action คืออะไร? มีประโยชน์อย่างไร?

 

วัดผลและปรับปรุงได้

เหมือนกับบริการโฆษณาอื่น ๆ ของ Google และ GDN มาพร้อมกับเครื่องมือวิเคราะห์ที่ครบถ้วน คุณสามารถติดตามการแสดงผล การคลิก อัตราการคลิก (CTR) และการแปลงผล เพื่อดูว่าแคมเปญของคุณทำงานได้ดีแค่ไหน

 

ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ช่วยให้คุณปรับปรุงโฆษณา กำหนดเป้าหมายใหม่ หรือปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การประมูลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น Google ยังมีการทำ A/B Testing อัตโนมัติซึ่งช่วยให้คุณทดสอบรูปแบบโฆษณาต่าง ๆ เพื่อดูว่าอันไหนทำงานได้ดีที่สุด

 

 

ประโยชน์และจุดเด่นของ GDN มีอะไรบ้าง?

 

ประโยชน์และจุดเด่นของ GDN มีอะไรบ้าง?

 

GDN มอบประโยชน์ที่ชัดเจนสำหรับธุรกิจทุกขนาด

 

  1. ต้นทุนต่ำกว่า Google Search Ads – โดยทั่วไป CPC ของ GDN จะต่ำกว่า Search Ads อย่างมีนัยสำคัญ ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับแบรนด์ที่มีงบประมาณจำกัด
  2. ความยืดหยุ่นในการสร้างสรรค์ – คุณมีอิสระในการออกแบบโฆษณาที่สะท้อนบุคลิกของแบรนด์ด้วยภาพ สี ฟอนต์ และข้อความที่คุณเลือก
  3. การตลาดในทุกขั้นตอนของ Customer Journey – GDN สามารถใช้ได้ในทุกขั้นตอนของการเดินทางของลูกค้า จากการสร้างการรับรู้ไปจนถึงการกระตุ้นการซื้อซ้ำ
  4. การเชื่อมโยงกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Google – GDN ทำงานร่วมกับ Google Analytics, Google Ads และ Google Marketing Platform ได้อย่างราบรื่น
  5. การขยายขอบเขตของแคมเปญ Search – GDN เป็นส่วนเสริมที่ยอดเยี่ยมสำหรับแคมเปญ Search โดยช่วยครอบคลุมผู้ที่อาจไม่ได้ค้นหาสินค้าของคุณโดยตรง แต่อาจสนใจ

 

ประเภทของโฆษณาบน GDN

 

โฆษณาแบบ Responsive Display Ads

Responsive Display Ads เป็นรูปแบบโฆษณาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดบน GDN เนื่องจากความยืดหยุ่นและความสะดวกในการสร้าง

 

  • คุณเพียงอัปโหลดสินทรัพย์ต่าง ๆ (รูปภาพ โลโก้ หัวเรื่อง คำอธิบาย) และ Google จะสร้างโฆษณาที่ปรับขนาดให้พอดีกับพื้นที่โฆษณาที่มีอยู่โดยอัตโนมัติ
  • Google ทดสอบการจัดวางองค์ประกอบต่าง ๆ เพื่อค้นหารูปแบบที่ทำงานได้ดีที่สุด
  • ข้อดีหลักคือการประหยัดเวลาและการปรับให้เข้ากับอุปกรณ์และพื้นที่โฆษณาต่าง ๆ

 

โฆษณาแบบ Image Ads

Image Ads เป็นแบนเนอร์รูปภาพแบบสแตติกที่คุณออกแบบเองทั้งหมด

 

  • คุณต้องสร้างภาพที่มีขนาดมาตรฐานต่าง ๆ เช่น 300×250, 728×90, 336×280, 300×600 ฯลฯ
  • ข้อดีคือคุณมีการควบคุมอย่างสมบูรณ์เหนือการออกแบบและข้อความ
  • ข้อเสียคือคุณต้องสร้างขนาดที่แตกต่างกันหลายขนาดเพื่อให้โฆษณาของคุณปรากฏในช่องโฆษณาต่าง ๆ

 

โฆษณาแบบ Video (เชื่อมกับ YouTube)

โฆษณาวิดีโอบน GDN เชื่อมโยงกับเครือข่าย YouTube

 

  • สามารถใช้วิดีโอ YouTube ที่มีอยู่แล้วหรือสร้างวิดีโอใหม่สำหรับแคมเปญของคุณ
  • โฆษณารูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ In-stream (เล่นก่อน ระหว่าง หรือหลังวิดีโอ), Video discovery (ปรากฏในผลการค้นหา YouTube) และ Bumper ads (โฆษณา 6 วินาทีที่ข้ามไม่ได้)
  • วิดีโอมีประสิทธิภาพสูงในการสร้างการมีส่วนร่วมทางอารมณ์และการจดจำแบรนด์

 

โฆษณา GDN สามารถกำหนดเป้าหมายได้อย่างไรบ้าง?

GDN มีตัวเลือกการกำหนดเป้าหมายที่หลากหลาย ซึ่งสามารถใช้ร่วมกันเพื่อเข้าถึงผู้ชมที่เฉพาะเจาะจงยิ่งขึ้น

 

  1. การกำหนดเป้าหมายตามเนื้อหา – แสดงโฆษณาบนเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของคุณ
  2. การกำหนดเป้าหมายตามตำแหน่ง – เลือกเว็บไซต์หรือหน้าเว็บเฉพาะที่คุณต้องการให้โฆษณาปรากฏ
  3. การกำหนดเป้าหมายตามความสนใจ – แสดงโฆษณาให้กับผู้ที่มีความสนใจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ
  4. การกำหนดเป้าหมายตามข้อมูลประชากร – แสดงโฆษณาตามอายุ เพศ รายได้ สถานะการเป็นผู้ปกครอง ฯลฯ
  5. Remarketing – แสดงโฆษณาให้กับผู้ที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับเว็บไซต์หรือแอปของคุณมาก่อน
  6. Similar Audiences – แสดงโฆษณาให้กับผู้ใช้ที่มีลักษณะคล้ายกับลูกค้าปัจจุบันของคุณ
  7. การกำหนดเป้าหมายตามอุปกรณ์และตำแหน่งที่ตั้ง – แสดงโฆษณาบนอุปกรณ์ (มือถือ แท็บเล็ต เดสก์ท็อป) และตำแหน่งทางภูมิศาสตร์เฉพาะ

 

 

วิธีเริ่มต้นใช้งาน GDN สำหรับมือใหม่

 

การตั้งค่าแคมเปญใน Google Ads

การเริ่มแคมเปญ GDN แรกของคุณอาจดูซับซ้อน แต่ก็มีขั้นตอนที่ชัดเจนที่คุณก็สามารถทำได้ ดังนี้

 

สร้างบัญชี Google Ads – หากยังไม่มี ให้สร้างบัญชี Google Ads และเชื่อมต่อกับบัญชีการชำระเงิน

 

เลือกเป้าหมายของแคมเปญ – เมื่อสร้างแคมเปญใหม่ เลือกเป้าหมายที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ทางธุรกิจของคุณ เช่น การรับรู้แบรนด์ ทราฟฟิกเว็บไซต์ การสร้างลีดและยอดขาย

 

เลือกประเภทแคมเปญ “Display” – ในขั้นตอนการเลือกประเภทแคมเปญ ให้เลือก “Display” เพื่อใช้งาน GDN

 

กำหนดงบประมาณและการประมูล – ตั้งงบประมาณรายวันและเลือกกลยุทธ์การประมูล Google แนะนำให้เริ่มต้นด้วยการประมูลอัตโนมัติเพื่อให้ระบบเรียนรู้และปรับเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

 

สร้างกลุ่มโฆษณา – กลุ่มโฆษณาจะรวมโฆษณาที่มีเป้าหมายเดียวกัน ตั้งชื่อที่มีความหมายเพื่อให้จัดการได้ง่าย

 

เจ้าของร้านเบเกอรี่ที่ต้องการโปรโมทเค้กวันเกิด อาจตั้งชื่อกลุ่มโฆษณาว่า “เค้กวันเกิด-กรุงเทพ” และกำหนดเป้าหมายเป็นการสร้างลีด พร้อมงบประมาณรายวัน 500 บาท

 

การเลือกตำแหน่ง (Placement) และกลุ่มเป้าหมาย

การกำหนดว่าโฆษณาของคุณจะปรากฏที่ไหนและใครจะเห็นมันเป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จของแคมเปญ

 

กำหนดกลุ่มเป้าหมาย – ข้อมูลประชากร ความสนใจ กลุ่ม In-Market หรือคนที่กำลังค้นหาสินค้าหรือบริการที่คล้ายของคุณ และคนที่เคยเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณมาก่อน

 

เลือกตำแหน่ง (Placement) – การกำหนดเป้าหมายอัตโนมัติ โดย Google จะหาตำแหน่งที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติ หรือการกำหนดเป้าหมายด้วยตนเอง ซึ่งคุณเลือกเว็บไซต์หรือหน้าเว็บเฉพาะ

 

ข้อยกเว้น – ระบุเว็บไซต์หรือหัวข้อที่คุณไม่ต้องการให้โฆษณาปรากฏ เพื่อป้องกันการเชื่อมโยงกับเนื้อหาที่ไม่สอดคล้องกับแบรนด์ของคุณ

 

 

เคล็ดลับการทำโฆษณาให้เห็นผล

แคมเปญ GDN ที่ประสบความสำเร็จไม่ได้เกิดจากการตั้งค่าเท่านั้น แต่ยังต้องมีการปรับแต่งและติดตามอย่างต่อเนื่อง

 

สร้างโฆษณาที่น่าสนใจ – ใช้ภาพที่มีสีสันสดใส ข้อความที่กระชับ และ call-to-action ที่ชัดเจน เพื่อดึงดูดความสนใจในพื้นที่ที่มีการแข่งขันสูง

 

ทดสอบหลายรูปแบบ – สร้างโฆษณาหลาย ๆ แบบที่มีภาพ หัวเรื่อง และข้อความที่แตกต่างกัน แล้วดูว่าอันไหนทำงานได้ดีที่สุด

 

ตรวจสอบข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ – ติดตามประสิทธิภาพของแคมเปญอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง และปรับเปลี่ยนตามความจำเป็น

 

ใช้ Remarketing – ตั้งแคมเปญ remarketing เพื่อเข้าถึงผู้ที่เคยแสดงความสนใจในธุรกิจของคุณมาก่อน

 

ปรับปรุงหน้าลงจอด (Landing Page) – ทำให้หน้าเว็บที่ผู้คนจะไปเมื่อคลิกโฆษณาสอดคล้องกับข้อความในโฆษณาและง่ายต่อการนำทาง

 

กำหนดค่า KPI ที่ชัดเจน – ไม่ว่าจะเป็น CTR จำนวนการแปลงผล หรือ CPA ให้กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนเพื่อวัดความสำเร็จ

 

ขยายผลจากสิ่งที่ได้ผล – เมื่อคุณพบว่ากลุ่มเป้าหมายหรือรูปแบบโฆษณาใดทำงานได้ดี ให้ลงทุนเพิ่มในสิ่งนั้นและลดการใช้จ่ายในส่วนที่ไม่ได้ผล

 

 

สรุป

 

Google Display Network เป็นเครื่องมือทรงพลังที่ช่วยให้ธุรกิจทุกขนาดสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างกว้างขวางด้วยโฆษณาที่น่าดึงดูด ไม่ว่าคุณจะต้องการสร้างการรับรู้แบรนด์ ดึงดูดลูกค้าใหม่ หรือกระตุ้นการซื้อซ้ำ GDN มีเครื่องมือและตัวเลือกการกำหนดเป้าหมายที่ช่วยให้บรรลุเป้าหมายเหล่านั้นได้

 

ในโลกการตลาดดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา GDN เป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์การตลาดแบบองค์รวม ทำงานร่วมกับช่องทางอื่นๆ เช่น Search Ads, Social Media และ Email Marketing เพื่อสร้างประสบการณ์ที่เชื่อมโยงกันสำหรับลูกค้าของคุณ เมื่อใช้อย่างมีกลยุทธ์ GDN ไม่เพียงแค่เพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์หรือการแปลงผล แต่ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า ซึ่งเป็นหัวใจของความสำเร็จทางธุรกิจที่ยั่งยืน

 

หากคุณกำลังมองหาความช่วยเหลือในการพัฒนาเว็บไซต์หรือการตลาดดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำธุรกิจของคุณ เราขอแนะนำให้คุณติดต่อ Yes Web Design Studio ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบเว็บไซต์ SEO และรับทำการตลาดออนไลน์ครบวงจร พร้อมช่วยพัฒนาเว็บไซต์ที่เหมาะสมกับความต้องการทางธุรกิจของคุณให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน

 

Yes Web Design Studio
Tel. : 096-879-5445
LINE : @yeswebdesign
E-mail : [email protected]
Address : ชั้น 17 อาคารวิทยกิตติ์ ถนนพญาไท วังใหม่ ปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 (สถานี BTS สยาม)

 

มีโปรเจกต์ในใจแล้วใช่ไหม ?