AI กับอนาคตของธุรกิจประกันภัยปี 2025

Share this article

เมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนเร็ว ภัยคุกคามใหม่เกิดถี่ และการแข่งขันรุนแรงขึ้น บริษัทประกันไม่สามารถยึดติดกับวิธีการเดิมได้อีกต่อไป AI จึงกลายเป็นหัวใจสำคัญที่เปลี่ยนบทบาทของบริษัทประกันภัย จากผู้รับความเสี่ยง มาเป็นที่ปรึกษาด้านการป้องกันความเสี่ยง พร้อมยกระดับประสบการณ์ลูกค้า

บทความนี้จะสำรวจว่า AI พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยอย่างไรในปี 2025 ทั้งด้านการพิจารณารับประกัน เคลม บริการลูกค้า และการป้องกันการฉ้อโกง

 

ทำไม AI ถึงกลายเป็นยุทธศาสตร์หลักของธุรกิจประกันภัย

 

ตลาดประกันภัยโลกกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกรวดเร็ว ไปจนถึงความเสี่ยงใหม่อย่างภัยไซเบอร์และผลกระทบจากสภาวะโลกร้อน ดังนั้น การลงทุนใน AI ไม่ใช่แค่การปรับปรุงเทคโนโลยี แต่เป็นการปฏิวัติวิธีการทำธุรกิจทั้งหมด 

 

 

การเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจด้วยพลัง AI

AI ไม่ได้เพียงแค่ช่วยปรับปรุงกระบวนการเดิมเท่านั้น แต่กำลังจะช่วยสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ทั้งหมด บริษัทประกันภัยสามารถหันจากการเป็นผู้รับความเสี่ยงแบบเดิม ๆ มาเป็นที่ปรึกษาด้านการป้องกันความเสี่ยงที่ช่วยลูกค้าหลีกเลี่ยงปัญหาก่อนที่จะเกิดขึ้น

 

ประเภทของ AI ที่เปลี่ยนเกมธุรกิจประกัน

 

AI เชิงพยากรณ์ (Predictive AI)

เทคโนโลยีนี้ได้เปลี่ยนวิธีการคาดการณ์ความเสี่ยงจากเดิมที่อาศัยข้อมูลในอดีตเป็นหลัก มาเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลจากหลากหลายแหล่งแบบเรียลไทม์ รวมถึงข้อมูลจากโซเชียลมีเดีย ข้อมูลสภาพอากาศ และพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้า การใช้ AI ประเภทนี้ช่วยให้บริษัทประกันภัยสามารถปรับเบี้ยประกันแบบไดนามิกตามความเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลงไป แทนที่จะใช้อัตราเบี้ยคงที่ตลอดระยะเวลาของกรมธรรม์

 

Chatbot และ Virtual Assistant

AI chatbot ในปัจจุบันไม่ใช่แค่ระบบตอบคำถามอัตโนมัติธรรมดา แต่เป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่เรียนรู้จากการสนทนาแต่ละครั้ง และสามารถให้คำแนะนำเฉพาะบุคคลได้

ระบบเหล่านี้สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง จัดการปัญหาเบื้องต้นได้มากกว่า และยังช่วยให้พนักงานมีเวลาจัดการกับเรื่องซับซ้อนที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ

 

AI สำหรับการวิเคราะห์ภาพและเอกสาร

เทคโนโลยี Computer Vision และ Natural Language Processing ช่วยให้ระบบสามารถอ่านและเข้าใจเอกสารต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ใบเสนอราคา รายงานการตรวจสุขภาพ ไปจนถึงภาพถ่ายจากที่เกิดเหตุ ความสามารถนี้ช่วยลดเวลาการประมวลผลเอกสารจากหลายวันเหลือเพียงไม่กี่นาที พร้อมกับลดความผิดพลาดจากการป้อนข้อมูลด้วยมือ

อ่านบทความเพิ่มเติม: ทำความรู้จักกับ natural language processing (nlp) คืออะไร? 

 

ระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ (Intelligent Automation)

Intelligent Automation คือการผสมผสานระหว่าง AI กับ Robotic Process Automation (RPA) เพื่อสร้างระบบที่ไม่เพียงแค่ทำซ้ำตามกระบวนการที่กำหนดไว้ แต่ยังสามารถตัดสินใจและปรับตัวได้เมื่อเจอสถานการณ์ใหม่ ระบบประเภทนี้ช่วยจัดการงานที่มีความซับซ้อนระดับกลางได้โดยอัตโนมัติ เช่น การตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร การคำนวณเบี้ยประกัน และการอนุมัติคำขอพื้นฐาน

 

การผสาน AI กับข้อมูล IoT และอุปกรณ์ติดรถยนต์

Internet of Things (IoT) และอุปกรณ์ Telematics ในรถยนต์ได้สร้างข้อมูลจำนวนมหาศาลเกี่ยวกับพฤติกรรมการขับขี่ของผู้เอาประกัน AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้เพื่อประเมินความเสี่ยงและกำหนดเบี้ยประกันแบบเรียลไทม์ ประกันรถยนต์แบบ Usage-Based Insurance (UBI) ที่ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลการขับขี่กำลังเป็นที่นิยมเพิ่มขึ้น เพราะช่วยให้คนขับขี่ดีได้เบี้ยประกันที่ถูกลง ส่วนคนที่ขับอันตรายก็ต้องจ่ายเบี้ยที่สูงขึ้นตามความเสี่ยงจริง

 

AI กับการปฏิวัติการประมวลผลเคลมอัจฉริยะ

 

AI กับการปฏิวัติการประมวลผลเคลมอัจฉริยะ

 

การจ่ายค่าสินไหมทดแทนแบบเรียลไทม์

จากเดิมที่การเคลมประกันอาจต้องรอเป็นสัปดาห์ และต้องผ่านขั้นตอนตรวจสอบเอกสารมากมาย ปัจจุบัน AI เข้ามาช่วยให้ทุกอย่างรวดเร็วและอัตโนมัติมากขึ้น

 

ระบบตรวจสอบหลักฐานอัตโนมัติ

AI สามารถวิเคราะห์ภาพถ่าย วิดีโอ และเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ได้อย่างละเอียด เร็วกว่าการตรวจสอบด้วยมนุษย์หลายเท่า ระบบ Computer Vision สามารถประเมินความเสียหายของรถยนต์จากภาพถ่าย คำนวณค่าซ่อม และเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลกรณีเดียวกันได้ในทันที

 

สร้างความโปร่งใสและความพึงพอใจให้ลูกค้า

การใช้ AI ในกระบวนการเคลมช่วยสร้างความโปร่งใสให้กับลูกค้า ระบบสามารถแจ้งสถานะการดำเนินการแบบเรียลไทม์ พร้อมคำอธิบายเหตุผลของการตัดสินใจแต่ละขั้นตอน ลูกค้าสามารถติดตามความคืบหน้าผ่านแอปพลิเคชัน ได้รับการอัปเดตผ่าน SMS หรืออีเมล และรู้ว่าจะได้รับเงินเมื่อไหร่อย่างชัดเจน ความโปร่งใสนี้ช่วยลดความกังวลและเพิ่มความไว้วางใจอย่างมาก

 

AI ในการพิจารณารับประกัน (Underwriting)

 

การวิเคราะห์ความเสี่ยงจากข้อมูลพฤติกรรม

การ underwriting แบบเดิมมักอาศัยข้อมูลในอดีต เช่น อายุ อาชีพ ประวัติสุขภาพ หรือประวัติการเคลม แต่ AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมแบบเรียลไทม์ได้ ซึ่งข้อมูลจาก social media สามารถบ่งบอกถึงไลฟ์สไตล์และความเสี่ยงต่าง ๆ ข้อมูลการใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิตสะท้อนพฤติกรรมการดำเนินชีวิต ส่วนข้อมูลจาก fitness tracker บ่งบอกถึงสุขภาพและการออกกำลังกาย AI สามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์รวมกัน สร้างโปรไฟล์ความเสี่ยงที่ละเอียดและแม่นยำกว่าวิธีเดิมมาก

 

Machine Learning กับการกำหนดเบี้ยอย่างยุติธรรม

เทคโนโลยี Machine Learning ช่วยให้ระบบเรียนรู้จากข้อมูลเคลมที่เกิดขึ้นจริง และปรับปรุงการคำนวณความเสี่ยงแบบต่อเนื่อง แทนที่จะใช้สูตรคำนวณคงที่ ระบบสามารถปรับเปลี่ยนน้ำหนักของปัจจัยต่าง ๆ ตามข้อมูลใหม่ที่เข้ามา วิธีการนี้ช่วยให้การกำหนดเบี้ยประกันเป็นธรรมมากขึ้น คนที่มีความเสี่ยงต่ำจริง ๆ จะได้เบี้ยที่ถูกลง ส่วนคนที่มีความเสี่ยงสูงจะจ่ายเบี้ยที่สะท้อนความเสี่ยงจริง การใช้ AI ทำให้การ underwriting ไม่ใช่การดูย้อนหลังอีกต่อไป แต่เป็นกระบวนการที่มีชีวิต สามารถปรับตัวได้ทันทีเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลง

 

การตอบสนองต่อภัยใหม่ยุค Digital

ภัยไซเบอร์ได้กลายเป็นความเสี่ยงสำคัญที่ธุรกิจทุกขนาดต้องเผชิญ AI สามารถวิเคราะห์ระดับความปลอดภัยของระบบไอที ประเมินความเสี่ยงจากการโจมตีไซเบอร์ และกำหนดเบี้ยประกันภัยไซเบอร์ที่เหมาะสม ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้รูปแบบของภัยธรรมชาติเปลี่ยนไป AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลสภาพอากาศ แบบจำลองสภาพภูมิอากาศ และประเมินความเสี่ยงจากภัยพิบัติใหม่ ๆ ที่อาจเกิดขึ้น การรับมือกับความเสี่ยงเหล่านี้ต้องอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลและการคำนวณที่ซับซ้อน ซึ่งเป็นจุดแข็งของ AI

 

ยกระดับประสบการณ์ลูกค้าด้วยระบบอัตโนมัติ

 

บริการ 24 ชั่วโมงผ่าน AI Assistant

ลูกค้าในยุคปัจจุบันคาดหวังการบริการที่รวดเร็วและสะดวก AI chatbot และ virtual assistant สามารถให้บริการได้ตลอดเวลา ไม่มีวันหยุด ไม่ต้องรอคิว และสามารถจัดการได้หลายคนพร้อมกัน ระบบเหล่านี้ไม่ใช่แค่ตอบคำถามพื้นฐาน แต่สามารถช่วยในเรื่องต่าง ๆ เช่น การแก้ไขข้อมูลกรมธรรม์ การชำระเบี้ย การรายงานเคลม และการให้คำแนะนำเรื่องความคุ้มครอง ที่สำคัญคือ AI เรียนรู้จากการสนทนาแต่ละครั้ง ทำให้คำตอบแม่นยำขึ้นเรื่อย ๆ และสามารถจัดการคำถามที่ซับซ้อนได้มากขึ้น

 

การสื่อสารเฉพาะบุคคลและเชิงรุก

AI สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าแต่ละราย จากข้อมูลการใช้บริการ ประวัติการติดต่อ และการโต้ตอบกับระบบต่าง ๆ ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้ระบบสามารถส่งข้อความเตือนที่เหมาะสม เช่น การแจ้งเตือนก่อนกรมธรรม์หมดอายุ การแนะนำความคุ้มครองเพิ่มเติมตามไลฟ์สไตล์ หรือการแจ้งข้อเสนอพิเศษที่เข้ากับความต้องการ การสื่อสารเชิงรุกนี้ช่วยสร้างความผูกพันระหว่างลูกค้าและบริษัท ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าได้รับการดูแลเป็นพิเศษ แทนที่จะเป็นแค่หมายเลขกรมธรรม์

 

การแนะนำกรมธรรม์และการต่ออายุอัตโนมัติ

AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดของลูกค้า รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ชีวิต เพื่อแนะนำความคุ้มครองที่เหมาะสมที่สุด เมื่อลูกค้าแต่งงาน ซื้อบ้าน หรือมีลูก ระบบจะแนะนำการปรับแก้ความคุ้มครองให้เหมาะสมกับสถานการณ์ใหม่ หรือเมื่อลูกค้าเข้าวัยเกษียณ ระบบจะแนะนำแผนประกันที่เหมาะสมกับช่วงวัยนั้น การต่ออายุกรมธรรม์ที่เคยเป็นเรื่องยุ่งยาก ตอนนี้สามารถทำอัตโนมัติได้ ระบบจะประเมินความเสี่ยงใหม่ ปรับเบี้ย และต่ออายุกรมธรรม์โดยไม่ต้องให้ลูกค้าดำเนินการใด ๆ

 

ตรวจจับและป้องกันการฉ้อโกงด้วย AI

 

การวิเคราะห์พฤติกรรมและรูปแบบผิดปกติ

การฉ้อโกงในการเคลมเป็นปัญหาใหญ่ของอุตสาหกรรมประกันภัย สร้างความเสียหายหลายพันล้านบาทต่อปี AI กลายเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการตรวจจับการฉ้อโกงเหล่านี้ ระบบ AI สามารถวิเคราะห์รูปแบบพฤติกรรมที่ผิดปกติได้ เช่น การรายงานเคลมที่เวลาแปลก ๆ การเคลมที่มีจำนวนเงินสูงผิดปกติ หรือการเคลมที่เกิดขึ้นหลังจากซื้อประกันได้ไม่นาน 

AI สามารถเชื่อมโยงข้อมูลจากหลายแหล่งมาวิเคราะห์ร่วมกัน ตรวจสอบความสอดคล้องของเรื่องราว เปรียบเทียบกับฐานข้อมูลเคลมที่ผ่านมา และประเมินระดับความน่าสงสัย

 

ลดการสูญเสียจากการเคลมเท็จ

AI มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการฉ้อโกง โดยสามารถลดความเสียหายได้มากถึง 40% ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่มีความหมาย เพราะช่วยประหยัดต้นทุนมหาศาลให้กับบริษัท และเปิดโอกาสให้ลดเบี้ยประกันให้ลูกค้าที่มีประวัติดีได้

ระบบ AI ยังทำงานแบบเรียลไทม์ ตรวจจับความผิดปกติตั้งแต่ขั้นตอนแรกของการแจ้งเคลม จึงไม่ต้องรอให้ความเสียหายเกิดขึ้นก่อนแล้วค่อยสืบสวนย้อนหลัง ช่วยให้บริษัทประกันสามารถจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ AI ยังช่วยแบ่งเบาภาระเจ้าหน้าที่สืบสวน โดยให้ระบบจัดการเคสทั่วไป และเปิดโอกาสให้บุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญได้โฟกัสกับกรณีที่ซับซ้อนมากขึ้น

 

เพิ่มความมั่นใจในระบบของบริษัทและผู้บริโภค

การมีระบบป้องกันการฉ้อโกงที่มีประสิทธิภาพสร้างความมั่นใจให้กับทุกฝ่าย ลูกค้าที่ซื่อสัตย์มั่นใจว่าจะไม่ต้องแบกรับต้นทุนจากการฉ้อโกงของคนอื่น ส่วนบริษัทก็มั่นใจว่าจะจ่ายเงินให้กับเคลมที่ถูกต้องเท่านั้น

ระบบนี้ยังช่วยปกป้องชื่อเสียงของอุตสาหกรรมประกันภัย ลดความเป็นอคติที่ว่าบริษัทประกันภัยไม่ยอมจ่ายเคลม เพราะระบบ AI สามารถแยกแยะระหว่างเคลมที่ถูกต้องกับการฉ้อโกงได้อย่างแม่นยำ

 

การสร้างระบบประกันภัยใหม่ด้วย Low-Code & Automation

 

เร่งการพัฒนาและทดลองผลิตภัณฑ์ใหม่

แพลตฟอร์ม Low-Code ช่วยให้บริษัทประกันภัยสร้างระบบหรือแอปพลิเคชันใหม่ได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ แทนที่จะต้องใช้เวลาหลายเดือนเหมือนในอดีต ความเร็วนี้เป็นจุดแข็งสำคัญในยุคที่ความต้องการของลูกค้าและกฎระเบียบเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

ที่สำคัญคือ Low-Code ไม่จำเป็นต้องใช้ทีมพัฒนาโปรแกรมขนาดใหญ่ พนักงานทั่วไปที่ไม่มีพื้นฐานด้านการเขียนโค้ดก็สามารถสร้างเครื่องมือที่ตอบโจทย์งานของตนเองได้ ช่วยให้เกิดนวัตกรรมจากผู้ใช้งานจริง ลดการสื่อสารผิดพลาด และทำให้การพัฒนาระบบมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

รวมระบบ AI เข้ากับกระบวนการภายในอย่างรวดเร็ว

การนำ AI มาใช้กับระบบเดิมของบริษัทถือเป็นความท้าทาย เพราะมักต้องใช้เวลาและงบประมาณสูง แต่แพลตฟอร์ม Low-Code เข้ามาช่วยให้การเชื่อมต่อระหว่าง AI กับระบบเก่าทำได้ง่ายและรวดเร็ว ระบบสามารถดึงข้อมูลจากฐานข้อมูลเดิม มาวิเคราะห์ด้วย AI และส่งผลลัพธ์กลับไปยังระบบปฏิบัติการหลักได้อย่างราบรื่น ไม่ต้องรื้อหรือสร้างระบบใหม่ทั้งหมด

แนวทางนี้ช่วยให้บริษัทสามารถเริ่มใช้ AI ได้ทันที ลดความเสี่ยง ลดต้นทุน และยังรักษาการทำงานของระบบเดิมไว้ได้อย่างต่อเนื่อง

 

 

AI คือกุญแจสู่การเติบโตของธุรกิจประกันภัยยุคใหม่

AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นรากฐานของการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจประกันภัย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างยั่งยืน ซึ่งองค์กรที่พร้อมปรับตัวและบูรณาการ AI อย่างจริงจัง จะเป็นผู้นำในยุคใหม่ของธุรกิจประกันภัย

หากธุรกิจของคุณต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบเว็บไซต์ การวางกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ หรือการนำโซลูชัน AI มายกระดับการทำงาน เราพร้อมให้บริการรับทำเว็บไซต์ ครบวงจร โดยทีมผู้เชี่ยวชาญจาก Yes Web Design Studio

หรือคุณต้องการอัปเดตเทรนด์ใหม่ ๆ เทคนิค และรีวิวเครื่องมือ AI สำหรับสาย Developer หรือ Programmer อย่าพลาดติดตาม Yes AI ช่องทางเดียวที่รวบรวมเนื้อหาคุณภาพสำหรับคนรักเทคโนโลยีโดยเฉพาะ

Yes Web Design Studio
Tel. : 096-879-5445
LINE : @yeswebdesign
E-mail : [email protected]
Address : ชั้น 17 อาคารวิทยกิตติ์ ถนนพญาไท วังใหม่ ปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 (สถานี BTS สยาม)

Written by

Yes Content Writer

Stop letting your competitors outrank you.