ในยุคปัจจุบัน AI ได้กลายเป็นส่วนสำคัญที่แทรกซึมเข้าไปในชีวิตประจำวันของเราอย่างแนบเนียน ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม เทคโนโลยีอัจฉริยะเหล่านี้กำลังปฏิวัติวิธีการทำงาน การสื่อสาร และการใช้ชีวิตของเราอย่างค่อยเป็นค่อยไป บทความนี้จะพาคุณสำรวจ 15 ตัวอย่างของ AI ในชีวิตประจำวันที่อาจจะทำให้คุณรู้สึกประหลาดใจกับความสามารถที่แท้จริง
15 ตัวอย่างเทคโนโลยี AI ในชีวิตประจําวัน ในปี 2025
1. อุปกรณ์สมาร์ทโฮม
เครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะได้เปลี่ยนแปลงวิถีการทำงานบ้านอย่างสิ้นเชิง เครื่องดูดฝุ่นอัจฉริยะที่สามารถวางแผนการทำความสะอาดด้วยตนเอง โดยสแกนและจดจำพื้นที่ภายในบ้าน หรือแม้กระทั่งเครื่องซักผ้าที่สามารถเลือกโปรแกรมซักที่เหมาะสมกับประเภทผ้าโดยอัตโนมัติ และระบบควบคุมบ้านอัจฉริยะ เช่น Google Nest ที่สามารถช่วยให้คุณควบคุมอุณหภูมิ แสงสว่าง และความปลอดภัยผ่านสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดาย
2. Siri และ Google Assistant
AI ในการสื่อสารและการติดต่อโดยใช้ผู้ช่วยเสมือนอย่าง Siri และ Google Assistant ได้กลายเป็นเพื่อนคู่กาย ช่วยค้นหาข้อมูล ตั้งเวลา และแม้กระทั่งควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น การค้นหาข้อมูล การตั้งเวลา การส่งข้อความหรือ แม้แต่การควบคุมอุปกรณ์ในบ้านผ่านคำสั่งเสียง ไปจนถึงแชทบอทบนแพลตฟอร์มลูกค้าสัมพันธ์สามารถตอบคำถามและแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ลดเวลาการรอคอยและเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้
3. รถยนต์ไร้คนขับ
เทคโนโลยี AI ในยานยนต์ เช่น Tesla Autopilot ซึ่งเป็นระบบรถยนต์ที่สามารถตรวจจับอุปสรรคและปรับความเร็วของรถได้โดยอัตโนมัติ ทำให้ลดความเสี่ยงในการขับขี่ ระบบช่วยขับขี่ เช่น Blind Spot Monitoring ที่มี AI ช่วยตรวจจับสิ่งกีดขวางหรือรถยนต์ที่เข้ามาใกล้จากด้านข้าง ช่วยเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนน ซึ่งรถยนต์ไร้คนขับและระบบนำทางอัจฉริยะกำลังพิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพของ AI ในการขนส่ง ระบบช่วยขับขี่สามารถตรวจจับอุปสรรคและสถานการณ์เสี่ยงได้รวดเร็วกว่ามนุษย์ และยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนน
4. การค้นหาข้อมูลผ่าน Google
การค้นหาบน Google เป็นกิจกรรมที่เราทำทุกวัน ไม่ว่าจะค้นหาคำตอบเกี่ยวกับบางเรื่องหรือหาสินค้าและบริการที่ต้องการ ซึ่งเทคโนโลยี AI ช่วยให้การค้นหามีความเฉพาะเจาะจง โดยแนะนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความสนใจจากการค้นหาครั้งก่อน นอกจากนี้ AI ยังช่วยให้เราเห็นโฆษณาที่ตรงกับความต้องการโดยที่เราไม่รู้ตัว
5. การแนะนำสินค้าจาก Shopee และ Amazon
แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเหล่านี้ใช้ AI ในการแนะนำสินค้าที่เหมาะสมกับผู้ใช้งาน โดยอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลจากพฤติกรรมการซื้อของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น การวิเคราะห์ข้อมูลจากการคลิกเข้าชมสินค้า และประวัติการสั่งซื้อที่ช่วยให้แพลตฟอร์มเหล่านี้สามารถนำเสนอสินค้าที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ จึงช่วยเพิ่มยอดขายและความพึงพอใจของลูกค้าอย่างมาก
6. การทำธุรกรรมการเงิน
แอปพลิเคชันการเงินที่ใช้ AI สามารถวิเคราะห์รูปแบบการใช้จ่าย แนะนำการออม เตือนความเสี่ยงทางการเงินและรักษาความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นการสแกนใบหน้า การฝากเช็คด้วยการสแกนด้วยมือถือ รวมไปถึงการวิเคราะห์เพื่อยืนยันตัวตนขณะล็อคอินเข้าไปใช้ระบบโมบายแบงค์กิ้ง ซึ่งจะช่วยป้องกันการนำบัตรเครดิตของคุณไปโดยไม่พึงประสงค์
7. การแนะนำภาพยนต์จาก Netflix
แพลตฟอร์มที่มอบความบันเทิงให้ผู้ใช้อย่าง Netflix ใช้ AI ในการแนะนำสร้างคอนเทนต์ที่ตรงใจ ซึ่งระบบจะวิเคราะห์ว่าผู้ใช้ที่มีพฤติกรรมคล้ายกันชอบดูเนื้อหาแบบไหน ไม่ว่าจะเป็นแนวหนัง นักแสดง ผู้กำกับ และคำบรรยายของภาพยนต์ แล้วนำข้อมูลนั้นมาแนะนำให้ผู้ใช้ นอกจากนี้ระบบสามารถแนะนำภาพยนตร์ตามปัจจัยอื่น ๆ อีกด้วย เช่น ช่วงเวลาที่ดู อุปกรณ์ที่ใช้รับชม
8. Spotify กับการแนะนำเพลง
ในการใช้งานเทคโนโลยี AI ของแอปพลิเคชันเกี่ยวกับการสตรีมมิ่งเพลง จะมีลักษณะที่คล้ายกับแอปพลิเคชันสตรีมมิ่งภาพยนต์ แต่สิ่งที่แตกต่าง คือ Spotify ใช้ AI วิเคราะห์แนวเพลงที่ผู้ใช้ฟังบ่อย เพื่อนำมาจัดเพลย์ลิสต์ส่วนตัวหรือแนะนำเพลงใหม่ที่อาจถูกใจ และยังมีระบบ Smart Shuffle ของ Spotify สามารถแทรกเพลงใหม่ที่สอดคล้องกับรสนิยมของผู้ใช้โดยอัตโนมัติ ทำให้ผู้ฟังได้ค้นพบเพลงที่อาจชอบโดยไม่ต้องค้นหาเอง
9. เรียนรู้ออนไลน์
แพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ เช่น Coursera หรือ Duolingo ใช้ AI เพื่อแนะนำหลักสูตรที่เหมาะสมกับผู้เรียน และปรับการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล โดยแอปพลิเคชันจะมีระบบ AI ที่สามารถติดตามความก้าวหน้าของผู้เรียนและแนะนำวิธีการเรียน
10. สร้างสรรค์งานศิลปะและความบันเทิง
AI ไม่เพียงแต่ช่วยในงานเชิงเทคนิค แต่ยังสามารถสร้างสรรค์งานศิลปะ แต่งเพลง และช่วยในกระบวนการผลิตภาพยนตร์และเกมอีกด้วย เช่น DeepArt หรือ RunwayML สามารถช่วยในการสร้างงานศิลปะจากรูปภาพหรือการแต่งเพลงโดยไม่ต้องใช้มนุษย์ในกระบวนการสร้างสรรค์ AI ยังสามารถช่วยในกระบวนการผลิตภาพยนตร์ เช่น การสร้างฉากพิเศษ หรือการแก้ไขเสียงและภาพ
11. อุปกรณ์สวมใส่สำหรับผู้พิการ
เทคโนโลยี AI สามารถช่วยในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ผู้พิการสามารถมีชีวิตที่สะดวกขึ้น โดยจะช่วยในการเคลื่อนไหวหรือช่วยในการสื่อสาร เช่น Wheelchair AI ที่สามารถเคลื่อนที่ตามสัญญาณและคำสั่งของผู้ใช้ได้ ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ได้ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
12. โซเชียลมีเดีย
เมื่อเปิดโทรศัพท์ ผู้ใช้มักจะเข้าไปเช็คโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เช่น Facebook Instagram และ Twitter ซึ่งเทคโนโลยี AI จะช่วยเลือกโพสต์ที่ตรงกับความสนใจของผู้ใช้งานจากการติดตามกิจกรรมในอดีต นอกจากนี้ AI ยังช่วยแนะนำเพื่อนที่อาจรู้จักกัน และกรองข่าวปลอม รวมถึงช่วยป้องกันการกลั่นแกล้งผ่านโลกออนไลน์ด้วยเทคโนโลยี Machine Learning ได้อีกด้วย
13. การส่งอีเมล
การส่งอีเมลกลายเป็นเรื่องที่เราทำกันทุกวัน โดย AI สามารถช่วยในการตรวจสอบความถูกต้องของคำและไวยากรณ์ได้ เช่น เครื่องมือ Grammarly ที่ช่วยตรวจคำผิด หรือฟีเจอร์ใน Gmail ที่แนะนำคำและไวยากรณ์ที่ถูกต้องสำหรับผู้ใช้งาน นอกจากนี้ AI ยังมีบทบาทในการฟิลเตอร์อีเมลสแปมและป้องกันการโจมตีจากไวรัสด้วยเทคโนโลยี Machine Learning
14. การเดินทางและวางแผนเส้นทาง
เทคโนโลยี AI ได้เข้ามาช่วยในการเดินทางได้มากกว่าแค่การบอกเส้นทาง ซึ่งหนึ่งในแอปพลิเคชันที่ใช้ AI อย่างแพร่หลายคือ Google Maps Apple Maps และ Waze โดยมีฟีเจอร์หลักที่ใช้ AI คือการติดตามสภาพจราจรแบบเรียลไทม์ การคาดการณ์สภาพจราจรล่วงหน้า แนะนำเส้นทางแบบ Dynamic Routing ที่ AI จะสามารถเปลี่ยนเส้นทางระหว่างเดินทาง หากมีเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น อุบัติเหตุ หรือรถติดหนัก และยังมีระบบการนำทางแบบ AR และมี ฟีเจอร์อย่าง Google Live View ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเห็นเส้นทางในรูปแบบ AR ผ่านกล้องมือถือ
15. การท่องเที่ยว
ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เทคโนโลยี AI สามารถช่วยแนะนำแหล่งท่องเที่ยวที่เหมาะสมกับความสนใจของนักท่องเที่ยว เช่น Google Travel ที่ใช้ AI ในการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับความสนใจของผู้ใช้ และช่วยในการจองที่พักและให้คำแนะนำการเดินทางที่เป็นส่วนตัวได้
สรุป
เทคโนโลยี AI กำลังเปลี่ยนแปลงโลกของเราอย่างไม่หยุดยั้ง จากงานบ้านไปจนถึงการแพทย์ การเงิน และอุตสาหกรรม ความก้าวหน้าเหล่านี้ไม่เพียงแต่เพิ่มประสิทธิภาพ แต่ยังช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตของเราอีกด้วย อนาคตของ AI ยังมีอีกมากที่รอการค้นพบ
หากธุรกิจของคุณต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของ Yes Web Design Studio ได้ เราเป็นบริษัทเว็บดีไซน์ชั้นนำในไทยที่ไม่เพียงรับทำเว็บไซต์ แต่ยังให้คำปรึกษาด้านการตลาดดิจิทัลและ AI Solution อย่างครบวงจร
Yes Web Design Studio
📞 Tel. : 096-879-5445
📲 LINE : @yeswebdesign
📧 E-mail : [email protected]
📍 Address : ชั้น 17 อาคารวิทยกิตติ์ ถนนพญาไท วังใหม่ ปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 (สถานี BTS สยาม)