OpenAI เตรียมเปิดตัว GPT-5 ในเดือนสิงหาคม 2025 ซึ่งเป็นโมเดลปัญญาประดิษฐ์ด้านภาษา (Language Model) รุ่นใหม่ล่าสุดที่ถูกพัฒนาให้ฉลาดกว่า เร็วกว่า และแม่นยำกว่ารุ่นก่อนหน้า (GPT-4 และ GPT-4-turbo) หลายเท่า ด้วยความสามารถที่ครอบคลุมทั้งด้านการประมวลผลภาษา การเข้าใจคำสั่งซับซ้อน และการให้เหตุผลอย่างลึกซึ้ง ทำให้โมเดลตัวนี้ถูกคาดหวังว่าจะเปลี่ยนแปลงโลกการทำงานและเทคโนโลยี AI
จุดเด่นของ GPT-5 มีอะไรบ้าง?
รูปภาพจาก : ilgmyzin on Unsplash
1. ความสามารถในการให้เหตุผลและเข้าใจภาษาที่ลึกซึ้งขึ้น
GPT-5 ได้รับการออกแบบให้เข้าใจข้อความที่มีบริบทซับซ้อน และสามารถให้เหตุผลได้อย่างแม่นยำขึ้น ทำให้ตอบคำถามได้ชัดเจนและเป็นธรรมชาติกว่าเดิม
2. รองรับหน่วยความจำที่ดีขึ้น
หนึ่งในจุดแข็งของ GPT-5 คือ ระบบหน่วยความจำที่สามารถจดจำบริบทการสนทนาก่อนหน้าใน
ระยะยาว ซึ่งช่วยให้การสนทนาเชื่อมโยงกัน และเหมาะกับการทำงานเชิงโปรเจกต์หรือวางแผนระยะยาว
3. รองรับหลายรูปแบบข้อมูล (Multimodal)
GPT-5 จะสามารถรับอินพุตทั้งข้อความ รูปภาพ เสียง และวิดีโอ ช่วยให้สามารถเข้าใจและตอบสนองต่อข้อมูลหลายประเภทได้ในโมเดลเดียว
GPT-5 ใช้งานอย่างไร และจะเปิดตัวที่ไหน?
รูปภาพจาก : medium
OpenAI จะเปิดตัว GPT-5 ผ่านแพลตฟอร์ม ChatGPT ซึ่งใช้งานได้ผ่านเว็บ แอปมือถือ และ API โดยจะเริ่มให้ใช้งานในเดือน สิงหาคม 2025 โดยผู้ใช้ที่สมัครแพ็กเกจ ChatGPT Plus จะสามารถเข้าถึง GPT-5 ได้ทันทีเมื่อเปิดตัว นอกจากนี้ GPT-5 ยังจะถูกรวมอยู่ในบริการของ Microsoft อย่าง Copilot และ Azure OpenAI Services ด้วยเช่นกัน
GPT-4 VS GPT-5 แตกต่างกันอย่างไร?
แม้ว่า GPT-4 จะถือเป็นหนึ่งในโมเดลภาษา AI ที่ทรงพลังในยุคของมัน แต่ GPT-5 ถูกออกแบบมาให้ล้ำหน้ากว่าทุกด้าน มาดูกันว่า GPT-5 ดีกว่า GPT-4 อย่างไรบ้าง
ความเข้าใจภาษา
GPT-4 – เข้าใจภาษามนุษย์ได้ดี
GPT-5 – เข้าใจบริบทที่ซับซ้อนมากขึ้น และให้คำตอบที่แม่นยำเป็นธรรมชาติกว่าเดิม
ความเร็วในการตอบสนอง
GPT-4 – มีความเร็วในระดับมาตรฐาน
GPT-5 – ตอบสนองได้เร็วกว่าอย่างชัดเจน เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง เช่น
งานเชิงธุรกิจหรือการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์
หน่วยความจำ (Memory)
GPT-4 – จำบริบทของการสนทนาได้ในระดับจำกัด
GPT-5 – มีระบบหน่วยความจำระยะยาวที่สามารถจดจำข้อมูลหรือบริบทเดิมของผู้ใช้
ในหลายบทสนทนาได้ ทำให้การใช้งานต่อเนื่องมีความแม่นยำและเป็นธรรมชาติมากขึ้น
การรองรับข้อมูลหลายรูปแบบ (Multimodal)
GPT-4 – รองรับการประมวลผลหลายรูปแบบข้อมูลบางส่วนเท่านั้น เช่น ข้อความและภาพในบางเวอร์ชัน
GPT-5 – รองรับได้ครบถ้วน ทั้งข้อความ รูปภาพ เสียง และวิดีโอ ทำให้ตอบสนองได้
หลากหลายยิ่งขึ้น
ความสามารถในการให้เหตุผล (Reasoning)
GPT-4 – ให้เหตุผลได้ดีในระดับหนึ่ง
GPT-5 – สามารถวิเคราะห์ ตีความ และให้เหตุผลเชิงลึกได้ในระดับที่ใกล้เคียงหรือแม้แต่เหนือกว่าความสามารถของมนุษย์ในบางกรณี
GPT-5 ที่กำลังจะมา เหมาะกับใครบ้าง?
นักพัฒนาและธุรกิจ – ใช้ GPT-5 เพื่อปรับปรุงซอฟต์แวร์ แชทบอท และบริการอัตโนมัติ
นักการตลาดและคอนเทนต์ – สร้างคอนเทนต์ SEO หรือสื่อโฆษณาที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำขึ้น
นักเรียน นักวิจัย – วิเคราะห์ข้อมูลหรือช่วยเขียนรายงานได้เร็วและมีคุณภาพ
องค์กรต่าง ๆ – นำ GPT-5 ไปใช้งานด้าน HR การวิเคราะห์ข้อมูล และการให้บริการลูกค้า
GPT-5 จะเปลี่ยนอนาคต AI อย่างไร?
GPT-5 ไม่ใช่แค่การอัปเกรดจากรุ่นก่อนหน้า แต่เป็นก้าวกระโดดของ AI ที่มีแนวโน้มจะเปลี่ยนโฉมหน้าของการทำงาน การเรียนรู้ และการสื่อสารในยุคดิจิทัล ซึ่งในขณะเดียวกัน OpenAI ก็ยังคงให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความโปร่งใสของการใช้ AI เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างรับผิดชอบ
สรุป
GPT-5 คือเทคโนโลยีที่หลายคนตั้งตารอ ด้วยความสามารถที่พัฒนาไปอีกขั้นในทุกมิติ ทั้งความเข้าใจภาษา การประมวลผลข้อมูลหลายรูปแบบ และระบบหน่วยความจำที่ฉลาดยิ่งขึ้น การเปิดตัว GPT-5
ในเดือนสิงหาคม 2025 จึงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการ AI ทั่วโลก
หากธุรกิจของคุณต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบเว็บไซต์ การวางกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ หรือการนำโซลูชัน AI มายกระดับการทำงาน
เราพร้อมให้บริการรับทำเว็บไซต์ครบวงจร โดยทีมผู้เชี่ยวชาญจาก Yes Web Design Studio
หรือคุณต้องการอัปเดตเทรนด์ใหม่ ๆ เทคนิค และรีวิวเครื่องมือ AI สำหรับสาย Developer หรือ Programmer อย่าพลาดติดตาม Yes AI ช่องทางเดียวที่รวบรวมเนื้อหาคุณภาพสำหรับคนรักเทคโนโลยีโดยเฉพาะ
Yes Web Design Studio
Tel. : 096-879-5445
LINE : @yeswebdesign
E-mail : [email protected]
Address : ชั้น 17 อาคารวิทยกิตติ์ ถนนพญาไท วังใหม่ ปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 (สถานี BTS สยาม)
แหล่งข้อมูล