Content is King (คอนเทนต์คือราชา)

บทความโดย Yes Web Design Studio

ในบทความนี้ เราจะมาขยายความหมายและไขข้อข้องใจเกี่ยวกับประโยคที่ว่า “Content is King” ให้ทราบกัน! เราเชื่อว่าใครหลายคน อาจจะเคยเห็นประโยคนี้ผ่านตากันมาบ้างแล้ว แล้วคุณรู้หรือไม่ว่า Content is King คืออะไร? คอนเทนต์คือราชาหมายความว่าอะไร? หากอยากเข้าใจเรื่องนี้อย่างถ่องแท้ ติดตามอ่านข้อมูลกับ Yes Web Design Studio ในบทความนี้ได้เลย! แต่ก่อนอื่น เราขอเกริ่นความเกี่ยวข้องของคอนเทนต์และการทำการตลาดให้ทราบกันก่อน

ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย การทำการตลาดก็เป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินธุรกิจและทำให้มีลูกค้าเพิ่มมาขึ้นเรื่อย ๆ ย้อนกลับไปในสมัยก่อน การทำการตลาดในยุคนั้น มักจะเป็นการแจกใบปลิว การตั้งป้ายประกาศ การส่ง SMS และรวมไปถึงการทำสื่อที่ถ่ายทอดทางทีวีที่นับเป็นสื่อหลักเลยก็ว่าได้ 

ต่อมาเมื่อโลกออนไลน์เริ่มมีอิทธิพลในการใช้ชีวิตของผู้คน คนจึงหันไปดูสื่อออนไลน์มากขึ้น แบรนด์ต่าง ๆ จึงต้องทำการตลาดและคอนเทนต์ออกไปตามช่องทางเหล่านี้ ทุกแบรนด์แข่งขันกันด้วยข้อมูลเหมือน ๆ กัน แล้วจะทำอย่างไรให้คุณอยู่เหนือคู่แข่งได้ล่ะ? Content ที่คุณทำคือคำตอบ! มาทำความรู้จักว่า Content is King คืออะไร และวิธีทำ Content ให้เป็น King กันเลย!

Content is King - Yes Web Design Studio

เครดิตภาพ forgeandsmith

Content is King คืออะไร?

Content is King คือ การทำคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ มีความถูกต้อง และเหมาะสมในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์ที่เหมาะกับธุรกิจ, ตรงกับความต้องการกลุ่มเป้าหมาย, ตอบโจทย์กับแพลตฟอร์มที่จะลง, มีความคิดสร้างสรรค์, เนื้อหามีประโยชน์ หรือสร้างผลลัพธ์ได้จริง โดยเราจะวัดว่าคอนเทนต์ที่เราทำคือราชาจริง ๆ ไหม จากการวัดประสิทธิภาพที่เกิดขึ้นนั่นเอง

ในอีกแง่มุมหนึ่ง ความหมายของ Content is King จะขึ้นอยู่กับว่าคุณให้ความสำคัญกับอะไรและมุมมองของคุณเป็นอย่างไรด้วย บางคนอาจจะมองว่า Content is King คือการทำคอนเทนต์ที่อัดแน่นไปด้วยข้อมูลเนื้อหาจัดเต็ม ทั้งตัวอักษร รูปภาพ วิดีโอคลิป ฯลฯ หรือการทำบทความ SEO ก็ได้ แต่บางคนอาจจะให้ความหมายของ Content is King ว่าเป็นคอนเทนต์ที่กระชับ มีเนื้อหาน้อย ๆ เน้นประโยคที่ทำให้คนเข้าใจความหมายได้ในทันที

Content is King by Bill Gates

เครดิตภาพ Jessica Zufferli

คุณรู้หรือไม่ว่า… จุดเริ่มต้นของคำว่า Content is King มาจากไหน? ขอย้อนกลับไปในปี 1996 “Bill Gates” ผู้ก่อตั้งบริษัท Microsoft (บริษัทผู้ผลิตและพัฒนาซอฟต์รายใหญ่ของโลก) ได้โพสต์บทความในหัวข้อ “Content is King” ไว้บนเว็บไซต์ของ Microsoft โดยมีเนื้อหาว่า…

ยุคนั้น ทีวีและวิทยุทำหน้าที่เป็นตัวส่งเนื้อหา (Content) ไปยังผู้ชมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต่อมาเมื่ออินเทอร์เน็ตถือกำเนิดขึ้น ต้นทุนในการเข้าถึงเนื้อหาต่าง ๆ จึงถูกลง คนเข้าถึงคอนเทนต์บนโลกอินเทอร์เน็ตได้ง่าย และพอมีสิ่งที่ชื่อว่า Social Media ขึ้นมา จึงทำให้มีคอนเทนต์ที่หลากหลายมาก ๆ โดยคอนเทนต์ดังกล่าว มีทั้งคอนเทนต์ที่ดีและไม่ดีปะปนกันไป อีกทั้งยังมีความคล้ายคลึงกันเต็มไปหมด

ดังนั้น Bill Gates จึงเปรียบเปรยว่าคอนเทนต์เป็นหัวใจสำคัญ หรือ Content is King นั่นเอง เพราะถ้าคุณอยากจะให้ธุรกิจของคุณโดดเด่นขึ้นมา มีคุณค่า น่าจดจำ และทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความจริงใจ คุณจะต้องผลิตคอนเทนต์ที่มีคุณภาพและให้เกียรติพวกเขาด้วย จึงจะสามารถมัดใจและดึงให้พวกเขามาเป็นลูกค้าของคุณได้

Content มีกี่ประเภท?

ก่อนที่จะไปถึงขั้นตอนของการทำคอนเทนต์ที่เปรียบดั่งราชา เรามาทำความรู้จักกันก่อนดีกว่าว่าคอนเทนต์มีกี่ประเภท? เพื่อให้คุณเข้าใจและเลือกผลิตคอนเทนต์ที่เหมาะสมกับธุรกิจและแฟลตฟอร์ม รวมไปถึงจุดประสงค์ที่คุณต้องการจริง ๆ ซึ่งเราจะขอแบ่งประเภทจากรูปแบบที่ได้รับความนิยมเป็นหลัก โดยมี 6 ประเภท ดังนี้

Content Marketing by Yes Web Design Studio

เครดิตภาพ getfoundquick

  1. Blog (บล็อก)
    บล็อกเป็นคอนเทนต์ที่อยู่บนเว็บไซต์ ซึ่งจะมีลักษณะเป็นเนื้อหายาว ๆ หรือบทความ โดยส่วนใหญ่แล้ว หากคุณต้องการทำคอนเทนต์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้เว็บไซต์ล่ะก็ มักจะนิยมการทำบทความ SEO กัน เนื่องจากบทความ SEO สามารถทำให้เกิด Traffic เข้าสู่เว็บไซต์ได้ดีที่สุด อีกทั้งยังทำให้เว็บไซต์ของเรามีความน่าเชื่อถือและมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นในสายตาของ Google ด้วย

    แต่ก่อนที่จะทำบล็อกเหล่านี้ได้ คุณจะต้องมีเว็บไซต์เสียก่อน ซึ่งเว็บไซต์ก็นับเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ในการขยายฐานลูกค้าและทำให้แบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จักบนโลกออนไลน์ หากคุณยังไม่มีเว็บไซต์ล่ะก็ สามารถสอบถามกับทาง Yes! ได้ เพราะเรารับทำเว็บไซต์ครบวงจร รองรับการทำ SEO อย่างเต็มประสิทธิภาพ
  1. Image (รูปภาพ)
    คอนเทนต์ที่อยู่ในรูปแบบของรูปภาพเป็นประเภทที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดเลยก็ว่าได้ มักจะถูกใช้ในแพลตฟอร์ม Social Media ต่าง ๆ เพราะสามารถดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างดี อีกทั้งคุณยังสามารถใส่ข้อความ ประโยค หรือภาพประกอบที่ต้องการลงไปได้ จบ ครบ ในภาพเดียว

    คอนเทนต์แบบรูปภาพกราฟิก ยังสามารถแบ่งย่อยได้ออกไปอีกหลายประเภท เช่น Infographics ที่เป็นการให้ข้อมูลอย่างกระชับ ตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนั้น ๆ ในภาพเดียว, Ads หรือภาพที่ใช้สำหรับการยิงโฆษณา เพื่อขายสินค้าหรือบริการ หรือ Meme ภาพมีม ภาพล้อเลียน หรือภาพมุกตลกขบขัน ที่ถูกใช้มาเพื่อสร้าง Engagement เป็นต้น
  1. Video (วิดีโอ)
    คนบางกลุ่มก็ชอบการชมวิดีโอมากกว่าการดูภาพนิ่ง เพราะวิดีโอจะทำให้เราเข้าใจความหมายของสิ่งแบรนด์ต้องการสื่ออย่างลึกซึ้ง ผ่านภาพเคลื่อนไหวและน้ำเสียงที่ใช้ พบได้หลายแพลตฟอร์ม ทั้ง YouTube, TikTok, Facebook, Instagram ฯลฯ

    โดยคอนเทนต์ประเภทวิดีโอนี้ แบ่งออกเป็น Long-Form Video หรือวิดีโอยาว ที่ใช้ในการเล่าเรื่องหรือให้ความรู้อย่างละเอียด, Short-Form Video วิดีโอสั้นที่มีเนื้อหากระชับและเจาะจง และ Live หรือวิดีโอการถ่ายทอดสด ที่มักจะใช้ในการขายสินค้าและนำเสนอโปรโมชั่นเด็ด ๆ 
  1. Text (ข้อความ)
    คอนเทนต์ที่เป็นข้อความสั้น ๆ ก็สร้างการมีส่วนร่วมได้ไม่น้อยเลยล่ะ แถมยังช่วยในเรื่องของการทำ SEO ได้อีกด้วย ข้อความที่ว่านี้จะอยู่เดี่ยว ๆ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครก็ได้ หรือจะเป็นแคปชั่นประกอบรูปภาพหรือวิดีโอของโพสต์นั้น ๆ ก็ได้เช่นกัน
  1. URL
    การใช้ URL หรือ ลิงก์ (Link) เป็นการแชร์คอนเทนต์ข้ามแพลตฟอร์ม เช่น การแชร์ลิงก์บล็อกบนเว็บไซต์มายังเฟซบุ๊ก, การแชร์วิดีโอจาก YouTube มายังเว็บไซต์ หรือการแชร์ลิงก์สินค้าจาก Shopee มายัง Twitter เป็นต้น เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายที่อยู่ในแพลตฟอร์มหนึ่ง ได้รับรู้เนื้อหาและสามารถเข้าถึงอีกแฟลตฟอร์มหนึ่งได้
  1. Podcast (พอดแคสต์)
    Podcast เป็นคอนเทนต์ที่นำเสนอผ่านทางเสียงเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะมีทั้งการบอกเล่าเรื่องราวที่ให้แง่คิดและเป็นประโยชน์ต่อผู้ฟัง เล่าประวัติความเป็นมาของแบรนด์ ให้ข้อมูลความรู้ในเรื่องต่าง ๆ เช่น การตลาดออนไลน์, การสร้างแบรนด์, สอนภาษาอังกฤษ ฯลฯ หรือจะเป็นพอดแคสต์ที่ให้ความบันเทิงอย่างรายการเล่าเรื่องผี The Ghost Radio ก็มีเช่นกัน
Content Type - Yes Web Design Studio

เครดิตภาพ futurelearn

Content is King ที่ดี ต้องเป็นอย่างไร?

คอนเทนต์ตรงกับจุดประสงค์ที่ตั้งใจไว้

คุณต้องกำหนดจุดประสงค์ในการทำคอนเทนต์ก่อน จากนั้นจึงจะรู้ว่าคุณควรผลิตคอนเทนต์แบบไหนออกไป เช่น การสร้างการรับรู้ (Awareness), การให้ความรู้เพื่อประกอบการตัดสินใจ (Consideration) , การทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้า (Conversion) หรือการทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าซ้ำ (Loyalty)  เป็นต้น

มีรูปแบบที่เหมาะสมกับแพลตฟอร์ม

รูปแบบของคอนเทนต์เหมาะสมกับแพลตฟอร์มที่จะนำไปลง เช่น ถ้าเราจะลงคอนเทนต์ในช่องทาง YouTube คุณควรเลือกเป็นวิดีโอยาว, ลงคอนเทนต์ใน TikTok ควรเป็นวิดีโอสั้น, ลงคอนเทนต์ใน Instagram ควรเป็นภาพหรือวิดีโอสั้น หรือการลงคอนเทนต์บน Facebook ที่สามารถลงได้ทุกรูปแบบ

คุณภาพของคอนเทนต์ต้องดี

คอนเทนต์มีคุณภาพ ประกอบไปด้วยเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ เช่น บทความให้ข้อมูลบนเว็บไซต์จะต้องมีรายละเอียดของเนื้อหาที่ลึก ตอบทุกข้อสงสัยที่ผู้อ่านต้องการได้ในบทความเดียว หรือภาพนำเสนอสินค้าบน Facebook จะต้องประกอบไปด้วยรูปสินค้า จุดเด่นของสินค้า ความสำคัญ และราคา เป็นต้น

กระชับ เข้าใจง่าย และดึงดูดใจ

คอนเทนต์ต้องเข้าใจง่ายและสวยงาม ถ้าเป็นคอนเทนต์รูปภาพ คุณจะต้องมีการจัดวางองค์ประกอบและเนื้อหาภายในภาพให้ดี กำหนดว่าจุดไหนที่จะเด่นที่สุด ต้องดูสะอาดตา ไม่ดูรกหรือดูยุ่งเหยิง ส่วนเนื้อหาที่เป็นข้อความ อาจจะมีการแบ่งพารากราฟหรือการใช้ Bullet Point เข้ามาช่วย เพื่อให้ผู้อ่านรู้สึกว่าอ่านง่ายและสบายตา

What is Content is King

เครดิตภาพ sproutsocial

สรุป

สรุปว่า Content is King คือ การทำคอนเทนต์ให้มีคุณภาพ ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย และสามารถสร้างผลลัพธ์ได้จริง หรือเราจะบอกว่า Content is King เป็นหัวใจหลักของการทำการตลาดออนไลน์ในยุคนี้ก็ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคุณจะผลิตคอนเทนต์ในรูปแบบไหน เรื่องอะไร ผ่านช่องทางใด เราอยากให้คุณใส่ความจริงใจ ความตั้งใจ และคุณภาพลงไปด้วย!

Yes Web Design Studio

Tel. : 096-879-5445
LINE : @yeswebdesign
E-mail : info@yeswebdesignstudio.com
Facebook : Yes Web Design Studio I Web Design Company Bangkok
Instagram : yeswebdesign_bkk
Address : ชั้น 17 อาคารวิทยกิตติ์ ถนนพญาไท วังใหม่ ปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 (สถานี BTS สยาม)

มีโปรเจกต์ในใจแล้วใช่ไหม ?