ทำ SEO ด้วย Voice Search เทรนด์ใหม่ที่น่าจับตามอง!

บทความโดย Yes Web Design Studio

การสั่งการสิ่งต่าง ๆ ด้วยเสียงหรือ Voice Control เข้ามามีบทบาทในชีวิตของเรามากขึ้นทุกวัน เพราะมันทั้งง่ายและสะดวกสบาย ไม่ต้องขยับตัวก็สามารถเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ได้แล้ว แน่นอนว่าเทคโนโลยีมันไม่ได้ถูกหยุดอยู่ที่การสั่งการเครื่องใช้ไฟฟ้าในโลกออฟไลน์เท่านั้น การสั่งการด้วยเสียงยังถูกนำมาใช้ในโลกออนไลน์ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะกับการค้นหาสิ่งต่าง ๆ ด้วยเสียง หรือ Voice Search

ในโลกออนไลน์นั้น คำสั่งเสียงถูกนำมาใช้หลากหลายรูปแบบ เช่น Voice Messages (การส่งข้อความเสียง ไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์) หรือ Voice Search (การใช้เสียงค้นหาสิ่งที่ต้องการแทนการพิมพ์) และรวมไปถึงการทำ Voice Search SEO ด้วย

Youtube voice search placed near search bar

จากภาพข้างต้นนี้ เป็นหน้าเว็บไซต์ YouTube หรือเว็บไซต์ที่เปรียบเสมือนคลังเพลงขนาดใหญ่ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก มีฟีเจอร์ Voice Search ให้ใช้เช่นเดียวกัน โดยจะเป็นปุ่มรูปไมค์อยู่ข้าง ๆ กับช่องการค้นหาปกติ คุณสามารถค้นหาเพลงหรือวิดีโอที่คุณต้องการได้ง่าย ๆ เพียงแค่กดปุ่มไมค์และพูดชื่อเพลงที่ต้องการลงไป จากนั้น ลิสต์รายการเพลงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่คุณค้นหาก็จะปรากฏขึ้นมาให้เห็น

และจะเหมาะมาก! กับผู้ที่บังเอิญได้ยินเสียงเพลงในที่สาธารณะแล้วเกิดชื่นชอบ แต่ไม่รู้ว่าเพลงนั้นคือเพลงอะไร คุณก็สามารถใช้งานฟีเจอร์ Voice Search นี้ในการค้นหาเพลงได้เช่นเดียวกัน

ทำความรู้จัก Google Voice Search 

เนื่องจาก Voice Search ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ดังนั้น Google หรือผู้ให้บริการด้านการค้นหาข้อมูลบนโลกออนไลน์ (Search Engine) เจ้าดังที่ใคร ๆ ก็รู้จัด ย่อมไม่พลาดเทรนด์นี้อย่างแน่นอน!

Google Voice Search Example

ฟีเจอร์หรือระบบ Google Voice Search คือตัวช่วยสำคัญที่ทำให้เราสามารถค้นหาสิ่งที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว คุณสามารถใช้งานได้ง่าย ๆ บนทุกอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ แล็ปท็อป แท็บเล็ต สมาร์ทวอทช์ หรือแม้แต่บนรถยนต์ก็สามารถใช้งานได้ นอกจากนี้  Google Voice Search ยังส่งผลดีต่อการทำการตลาดออนไลน์อีกด้วยนะ!

ประโยชน์ของ Google Voice Search

  1. เพิ่มประสิทธิภาพการทำ SEO
    Google รักในความเป็นธรรมชาติของเนื้อหาและการทำ SEO เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หากเราทำ SEO ด้วยการอ้างอิงจาก Voice Search เข้าไปด้วย ก็จะทำให้คอนเทนต์ของเราดูเป็นธรรมชาติ และตรงกับสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายอยากรู้มากที่สุด เมื่อเป็นเช่นนั้น อันดับของเว็บไซต์เราบน Search Engine ก็จะดีขึ้นตามไปด้วย
  1. ช่วยเรื่องผลตอบแทนจากการทำโฆษณา
    สำหรับผู้ที่มีการทำโฆษณาผ่านทางเว็บไซต์ (Google Ads) เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และมีการเปิดใช้งานฟีเจอร์ Google Voice Search ร่วมด้วย ก็จะช่วยให้กลุ่มเป้าหมายที่ค้นหาด้วย Voice Search พบเจอโฆษณาของคุณเพิ่มมากขึ้น จากนั้นก็จะตามมาด้วยผลตอบแทนที่ได้จากการทำโฆษณา (ROI)
  1. ทำให้คอนเทนต์ของเราแตกต่างและโดดเด่น
    เราสามารถนำสิ่งที่ผู้คน “พูด” เมื่อทำการค้นหาผ่าน Voice Search มาปรับใช้ในการทำคอนเทนต์ของเราได้ ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์บนเว็บไซต์หรือบน Social Media ก็ตาม ซึ่งจะช่วยเพิ่มการมองเห็นและการมีส่วนร่วมได้มากกว่าที่เคย

Voice Search กับ SEO เกี่ยวข้องกันอย่างไร?

Voice Search คือฟีเจอร์การค้นหาด้วยการใช้เสียง ถูกพัฒนามาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้คนในยุคนี้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการค้นหาสิ่งต่าง ๆ แต่สถานการณ์ดันไม่เอื้ออำนวย ทำให้มือไม่ว่างพิมพ์ เช่น ระหว่างขับรถ, หลังช้อปปิ้งเสร็จแล้วถือของเต็มมือ, คุณแม่ที่กำลังดูแลลูกอยู่ หรือผู้สูงอายุที่สายตาไม่ดี แถมไม่ถนัดพิมพ์ข้อความก็ตาม นอกจากนี้ ถึงแม้ว่ามือของเราจะไม่ได้ถืออะไรอยู่ เพียงแค่เราขี้เกียจพิมพ์ เราก็สามารถใช้งาน Voice Search เพื่อความสะดวกสบายได้เช่นกัน

การทำ SEO (Search Engine Optimization) แบบปกติ เป็นการทำให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับการค้นหา ด้วยการใช้กลุ่มคำ (Keyword) ในรูปแบบของตัวอักษร (Text) เป็นหลัก อาจจะอยู่ในรูปแบบของบทความหรือย่อหน้าต่าง ๆ 

ส่วน Voice Search SEO เป็นการทำ SEO โดยการใช้ Keyword เช่นเดียวกัน แต่มักจะใช้เป็น Long-Tail Keyword หรือประโยคยาว ๆ มากกว่า เพราะกลุ่มเป้าหมายหรือผู้ที่ใช้งาน Google Voice Search มักจะค้นหาด้วยการพูดประโยคยาว ๆ มากกว่าคำสั้น ๆ 

ดังนั้น หากเราใช้ประโยคที่เป็นคำพูดยาว ๆ มีความเป็นธรรมชาติเหมือนกับที่คนทั่วไปพูด และนำไปประกอบกับบทความหรือคอนเทนต์บนเว็บไซต์แล้วล่ะก็ ตรงนี้ ก็จะช่วยให้ Google หรือ  Search Engine เข้าใจสิ่งที่เราจะสื่อได้ง่ายขึ้น จากนั้นก็จะนำไปจับคู่กับประโยคที่ผู้คนค้นหาผ่านฟีเจอร์ Google Voice Search และดันอันด้บหน้าเว็บไซต์เราให้อยู่ในหน้าแรก ๆ นั่นเอง

ข้อจำกัดของการทำ Voice Search SEO


ถึงการทำ Voice Search SEO จะดูมีอิสระสูง แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่บ้าง ในส่วนของข้อจำกัดทางด้านภาษาที่รองรับ สำเนียงการพูดของคนแต่ละเชื้อชาติ การตอบสนองหรือโต้ตอบกับผู้ใช้งาน และเรื่องของความเป็นส่วนตัวที่ไม่ได้หนาแน่นพอ

What is Voice Search

เครดิตภาพจาก macrovector

6 เทคนิคในการทำ Voice Search SEO

เนื่องจากสิ่งที่ผู้คนค้นหาผ่าน Voice Search มันจะเป็นรูปประโยคที่สบาย ๆ และกึ่งทางการ ภาษาที่ใช้ก็จะเป็นสไตล์ของภาษาพูดไม่ใช่ภาษาเขียน ดังนั้น หากเราต้องการทำ Voice Search SEO ให้มีประสิทธิภาพ เราต้องปรับสไตล์หรือรูปแบบของคอนเทนต์ให้อิงกับสิ่งนี้ด้วย สำหรับเทคนิคในการทำ Voice Search SEO ที่เราอยากจะแนะนำ มีดังนี้!

  1. ให้ข้อมูลที่มีโครงสร้างชัดเจน
    ควรเขียนข้อมูลที่มีโครงสร้างหรือคำตอบอย่างชัดเจน หากข้อมูลชุดดังกล่าว มีตัวเลขหรือชื่อเฉพาะเข้ามาเกี่ยวข้องก็ต้องใส่ลงไปด้วย เพื่อตอบคำถามที่มีการระบุเจาะจงว่าต้องการทราบเรื่องอะไร อาทิ “จังหวัดที่ 77 ขอประเทศไทยคือจังหวัดอะไร” , “รหัสไปรษณีย์ของจังหวัดน่านมีอะไรบ้าง”, “กรุงเทพฯ มีทั้งหมดกี่เขต” หรือ “นายกฯ คนที่ 5 ของประเทศไทยคือใคร” เป็นต้น
  1. ใช้ภาษาพูดมากกว่าภาษาเขียน
    เพราะประโยคที่คนใช้ค้นหาด้วยเสียงหรือ Voice Search จะอยู่ในรูปแบบของภาษาพูด ดังนั้น เราจึงต้องปรับภาษาในการเขียนคอนเทนต์ให้เป็นภาษาพูดด้วยเช่นกัน ซึ่งภาษาพูดคือภาษาที่ไม่เป็นทางการ หรือกึ่งทางการ มีความคล้ายคลึงกับบทสนทนาทั่ว ๆ ไป

    อย่างไรก็ตาม ถึงจะเป็นการใช้ภาษาพูดที่ไม่เป็นทางการ แต่เราก็ต้องคำนึงถึงภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือขององค์กรเราด้วยเช่นกัน ควรใช้ภาษาที่กึ่งทางการที่มีการสะกดอย่างถูกต้องจะดีกว่า
  1. เพิ่มการทำ Local SEO
    การทำ Local SEO เป็นการทำ SEO เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่อยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ ได้อย่างใกล้ชิดมากขึ้น สำหรับการทำ Local Voice Search จะเป็นการเพิ่มรายละเอียดเกี่ยวกับตัวบริษัทของเรา อย่างสถานที่ตั้ง เบอร์ติดต่อ วิธีการเดินทาง หรือระยะเวลาในการเปิด-ปิด เป็นต้น
  1. การแสดงผลต้องไม่ผิดเพี้ยน
    ทุกวันนี้ คนเข้าใช้งานโลกออนไลน์ผ่านหลาย ๆ อุปกรณ์ ทั้งคอมพิวเตอร์ มือถือ แล็ปท็อป และแท็บเล็ต เพื่อให้หน้าเว็บไซต์ของเราแสดงผลอย่างไม่ผิดเพี้ยน เราจะต้องมีการออกแบบเว็บไซต์แบบ Responsive Web Design เพื่อรองรับการแสดงผลบนทุกอุปกรณ์ด้วย โดยเฉพาะการแสดงผลบนอุปกรณ์เคลื่อนที่อย่างโทรศัพท์มือถือ (Mobile Friendly) ที่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด 
  1. อัปเดตข้อมูลใน Google My Business
    Google My Business เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราไม่ควรพลาด เพราะสิ่งนี้ช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพในการทำ SEO ได้เป็นอย่างดี และทำให้ผู้คนเข้าถึงธุรกิจของคุรได้อย่างกว้างขวาง คุณควรอัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจของคุณลงไป พร้อมกับใส่เว็บไซต์ลงไปด้วย และจะดียิ่งกว่า หากคุณให้ลูกค้าของคุณช่วยรีวิวลงไป เพราะการรีวิวใน Google My Business ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือได้มาก
  1. เพิ่ม FAQ หรือ Q&A ลงไปในคอนเทนต์
    เมื่อเรารู้ว่าสิ่งที่ลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายต้องการรู้คืออะไร เราควรสร้างเพิ่มส่วนของ FAQ หรือ Q&A ลงไปในเนื้อหาด้วย เพื่อให้ Google Bot จับข้อมูลชุดนี้ไปแสดงบนหน้า Google ในฟีเจอร์ของ Frequently Asked Questions ทำให้ผู้ค้นหาเจอคำตอบอย่างรวดเร็ว และมีโอกาสที่จะคลิกเข้ามาอ่านต่อบนเว็บไซต์เราอีกด้วย

สรุป

หากคุณเป็นนักการตลาดตัวจริง เป็นสายทำคอนเทนต์แบบตัวยง ไม่ควรพลาดเทรนด์ Voice Search โดยเด็ดขาด เพราะกำลังมาแรงและน่าจับตามองเลยทีเดียว การทำ Voice Search SEO เป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะช่วยดันอันดับ Keyword หรือหน้าเพจเว็บไซต์ของคุณให้อยู่ในตำแหน่งที่คนมองเห็นได้ง่าย และจะช่วยให้ยอดการเข้าถึงเว็บไซต์ของคุณสูงกว่าที่คาดไว้หลายเท่าตัวอีกด้วย

สำหรับเทคนิคในการทำ Voice Search SEO มีอยู่หลายเทคนิค ทั้งการเขียนคอนเทนต์ให้เป็นภาษาพูด, การเขียนเนื้อหาที่มีโครงสร้างอย่างชัดเจน, การแทรก Local SEO ลงไป, การอัปเดตข้อมูลธุรกิจลงบน Google My Business, การปรับปรุงเว็บไซต์ให้เหมาะกับการแสดงผลบนมือถือ และการเพิ่ม FAG ในเนื้อหาของคุณ สุดท้ายนี้ อย่าลืมทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ต้องรีบร้อน เพราะความธรรมชาติและความถูกต้องของเนื้อหา ถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด!

Yes Web Design Studio บริษัททำเว็บไซต์อันดับ 1 ของไทย

Tel. : 096-879-5445
LINE : @yeswebdesign
E-mail : info@yeswebdesignstudio.com
Facebook : Yes Web Design Studio I Web Design Company Bangkok
Instagram : yeswebdesign_bkk
Address : ชั้น 17 อาคารวิทยกิตติ์ ถนนพญาไท วังใหม่ ปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 (สถานี BTS สยาม)

มีโปรเจกต์ในใจแล้วใช่ไหม ?