Instagram กลายเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่มีอิทธิพลในแวดวงการตลาดดิจิทัลอย่างมาก โดยเฉพาะสำหรับแบรนด์ที่ต้องการสื่อสารผ่านภาพและวิดีโอ ซึ่งฟีเจอร์อย่าง Reels และ Stories ได้เปลี่ยนวิธีการที่ผู้ใช้และแบรนด์สร้างและแชร์คอนเทนต์ แต่หลายคนยังสับสนเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างสองฟีเจอร์ดังกล่าว บทความนี้จะแนะนำทุกแง่มุมของ Instagram Reels และ Stories พร้อมเทคนิคที่จะช่วยให้คอนเทนต์ของคุณโดดเด่นและเข้าถึงผู้ชมได้มากขึ้น
Instagram Reels คืออะไร?
ฟีเจอร์นี้เปิดตัวในปี 2020 เพื่อแข่งขันกับแพลตฟอร์ม TikTok โดยเป็นรูปแบบวิดีโอสั้นความยาวสูงสุด 90 วินาที ช่วยให้ผู้ใช้สร้างคอนเทนต์สร้างสรรค์ด้วยเพลง เอฟเฟกต์ และเครื่องมือตัดต่อต่าง ๆ โดย Reels จะปรากฏในแท็บเฉพาะของโปรไฟล์ผู้ใช้ในฟีดหลักและหน้า Explore ทำให้มีโอกาสเข้าถึงผู้ชมในวงกว้าง แม้กระทั่งผู้ที่ไม่ได้ติดตามบัญชีของคุณ
จุดเด่นของ Reels
Reels มีจุดเด่นหลายประการที่ทำให้เป็นเครื่องมือทรงพลังสำหรับการสร้างคอนเทนต์ ดังนี้
- วิดีโอจะอยู่บนโปรไฟล์แบบถาวร
- มีโอกาสปรากฏในหน้า Explore ทำให้เข้าถึงผู้ใช้ใหม่ ๆ ได้มากขึ้น
- เครื่องมือตัดต่อวิดีโอที่ใช้งานง่าย ทั้งการซ้อนเพลง ปรับความเร็ว หรือใส่เอฟเฟกต์ต่าง ๆ
- เหมาะกับการสร้างคอนเทนต์แบบครีเอทีฟที่มีโอกาสไปไวรัล
ความสำคัญของ Reels และ Stories ในการทำการตลาดบน Instagram
ในยุคดิจิทัลที่ผู้บริโภคมีช่วงความสนใจสั้นลง การใช้วิดีโอสั้นอย่าง Reels และ Stories กลายเป็นกลยุทธ์สำคัญของการตลาดบน Instagram ฟีเจอร์เหล่านี้ช่วยให้แบรนด์สามารถสื่อสารข้อความได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ รวมถึงช่วยแสดงบุคลิกของแบรนด์ผ่านคอนเทนต์ ซึ่งช่วยเพิ่มยอด Engagement ได้มากกว่าการโพสต์ภาพทั่วไป นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่อกับผู้ติดตามในรูปแบบใหม่และน่าสนใจมากขึ้น
Instagram Stories คืออะไร?
ฟีเจอร์นี้ที่เปิดตัวในปี 2016 โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก Snapchat เป็นรูปแบบการแชร์ภาพหรือวิดีโอสั้น ๆ ที่จะปรากฏเพียง 24 ชั่วโมงก่อนหายไป ฟีเจอร์นี้จะแสดงอยู่ด้านบนของฟีดหลัก ทำให้ผู้ติดตามมองเห็นได้ง่าย และเหมาะกับการแชร์เนื้อหาที่ไม่จำเป็นต้องอยู่อย่างถาวรในโปรไฟล์
การใช้งาน Stories และฟีเจอร์หลัก
Instagram Stories มาพร้อมกับฟีเจอร์หลากหลายที่ช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับคอนเทนต์ เช่น
- สติกเกอร์ โพลล์ คำถาม และฟีเจอร์โต้ตอบอื่น ๆ
- ฟิลเตอร์และเอฟเฟกต์หลากหลาย
- สามารถ Tag เพื่อนได้ และเช็คอินสถานที่ต่าง ๆ ได้
- ฟีเจอร์ไฮไลท์ที่ช่วยให้เก็บ Stories ไว้บนโปรไฟล์ได้นานกว่า 24 ชั่วโมง
ข้อดีของ Stories สำหรับการสื่อสารแบบเรียลไทม์
- ทำให้ผู้ติดตามรู้สึกเหมือนกำลังติดตามความเคลื่อนไหวแบบเรียลไทม์
- สร้างความรู้สึกใกล้ชิดและเป็นกันเองกับแบรนด์
- ช่วยแชร์โมเมนต์เบื้องหลังที่ทำให้แบรนด์ดูเป็นมนุษย์มากขึ้น
- กระตุ้นการตัดสินใจซื้อด้วยการสร้างความรู้สึกเร่งด่วนผ่านคอนเทนต์ที่มีเวลาจำกัด
ความแตกต่างระหว่าง Instagram Reels กับ Stories
รูปภาพจาก : MIXCORD
ระยะเวลาการแสดงผล
Stories จะหายไปหลังจาก 24 ชั่วโมง เว้นแต่จะบันทึกไว้ในไฮไลท์ ลักษณะชั่วคราวนี้ทำให้เหมาะกับการแชร์เนื้อหาที่ไม่จำเป็นต้องมีความสมบูรณ์แบบ หรือข้อมูลที่มีความเร่งด่วนในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ฟีเจอร์ Reels จะอยู่บนแพลตฟอร์มอย่างถาวร โดยปรากฏในแท็บ Reels บนโปรไฟล์ของคุณ และสามารถค้นพบได้ผ่านหน้า Explore แม้หลังจากผ่านไปนานแล้ว ทำให้เหมาะกับคอนเทนต์ที่ต้องการให้อยู่ในระยะยาว
วัตถุประสงค์ในการใช้งาน
Stories เหมาะสำหรับการแชร์อัปเดตประจำวัน เบื้องหลังกิจกรรม หรือโมเมนต์เล็ก ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องมีการผลิตที่ซับซ้อน ซึ่งวัตถุประสงค์หลักคือการรักษาการติดต่อกับผู้ติดตามที่มีอยู่แล้ว แต่ Reels จะเน้นไปที่การสร้างคอนเทนต์ที่มีศักยภาพในการเข้าถึงผู้ชมในวงกว้าง โดยอาศัยอัลกอริทึมที่ช่วยแนะนำวิดีโอให้กับผู้ใช้ที่ไม่ได้ติดตามคุณ ทำให้เหมาะกับการเพิ่มการเข้าถึงและดึงดูดผู้ติดตามใหม่
Reels มีฟีเจอร์ตัดต่อวิดีโอที่หลากหลายกว่า
Reels มาพร้อมชุดเครื่องมือตัดต่อวิดีโอที่ครบครันกว่า เช่น
- ความสามารถในการตัดต่อคลิปหลายคลิปเข้าด้วยกัน
- เทคนิคการถ่ายทำแบบ “Ghost” ที่ช่วยให้เห็นเฟรมก่อนหน้า
- การซิงค์กับเพลงและเสียงที่เป็นเทรนด์
- เอฟเฟกต์แบบขั้นสูงที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับ Reels
ในขณะที่ Stories มีเครื่องมือที่เน้นการโต้ตอบกับผู้ชมมากกว่า
- มีสติกเกอร์โต้ตอบเช่น คำถาม โพลล์ และควิซ
- ความสามารถในการเพิ่มลิงก์ภายนอก
- ฟีเจอร์การแชร์โพสต์จากฟีดหลัก
ทำไมควรใช้ Reels ในการสร้างแบรนด์และเพิ่มยอดเข้าถึง?
รูปภาพจาก : TravelMediaGroup
อัลกอริทึมของ Instagram ให้ความสำคัญกับ Reels
Instagram ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าได้ให้ความสำคัญกับ Reels ในระบบอัลกอริทึมของแพลตฟอร์ม โดยวิดีโอในฟีเจอร์ Reels มีแนวโน้มจะปรากฏในหน้า Explore มากกว่าคอนเทนต์รูปแบบอื่นด้วยอัลกอริทึมจะแนะนำ Reels ตามความสนใจของผู้ใช้ ด้วยเหตุนี้ แบรนด์ที่สร้างคอนเทนต์ Reels อย่างสม่ำเสมอจึงมีโอกาสในการเพิ่มการมองเห็นบนแพลตฟอร์มมากกว่าผู้ที่ใช้เฉพาะรูปภาพหรือ Stories
Reels ช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมและการมองเห็นของแบรนด์
นอกจากจะได้รับความสำคัญจากอัลกอริทึมแล้ว Reels ยังมีประโยชน์อื่น ๆ สำหรับการสร้างแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดโอกาสให้แบรนด์แสดงภาพลักษณ์ในรูปแบบที่สนุกและสร้างสรรค์ โดยสามารถเล่าเรื่องที่ซับซ้อนได้ในรูปแบบที่กระชับและน่าสนใจ เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับกลยุทธ์คอนเทนต์โดยรวมของคุณ
เทคนิคดันยอด Instagram Reels ให้ปัง
ใช้เสียงหรือเพลงที่กำลังเป็นเทรนด์ เพื่อเพิ่มโอกาสให้ Reels แสดงใน Explore
เสียงและเพลงเป็นองค์ประกอบสำคัญของ Reels การใช้เพลงที่กำลังเป็นเทรนด์จะเพิ่มโอกาสให้วิดีโอของคุณปรากฏในหน้า Explore ได้ ด้วยการสำรวจแท็บ Reels เพื่อดูว่าเพลงใดกำลังได้รับความนิยม และเลือกเสียงที่เหมาะกับบุคลิกของแบรนด์ เพราะอัลกอริทึมของ Instagram มักจะส่งเสริม Reels ที่ใช้เสียงที่กำลังเป็นที่นิยม ทำให้วิดีโอของคุณมีโอกาสเข้าถึงผู้ชมมากขึ้น
เลือกใช้ Hashtags ที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
Hashtags ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญในการเพิ่มการค้นพบคอนเทนต์บน Instagram รวมถึง Reels ด้วย ซึ่งสามารถทำได้โดยเลือก Hashtags ที่เฉพาะเจาะจงกับเนื้อหาและอุตสาหกรรมของคุณและหลีกเลี่ยงการใช้ Hashtags ที่ไม่เกี่ยวข้องเพียงเพราะกำลังเป็นเทรนด์
คอนเทนต์สั้น กระชับ และดึงดูดใน 3 วินาทีแรก
ช่วงความสนใจของผู้ใช้โซเชียลมีเดียนั้นสั้นมาก โดยเฉพาะเมื่อเลื่อนดู Reels ด้วยเทคนิคการสร้างคอนเทนต์ที่ดึงดูดความสนใจ เช่น การสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจภายใน 3 วินาทีแรก และบอกประโยชน์ที่ผู้ชมจะได้รับจากการดูวิดีโอทั้งหมดตั้งแต่ต้น โดยสามารถใช้ข้อความซ้อนวิดีโอเพื่อดึงดูดความสนใจ
โพสต์ในช่วงเวลาที่เหมาะสม ตามพฤติกรรมของผู้ติดตาม
เวลาในการโพสต์มีผลอย่างมากต่อประสิทธิภาพของ Reels โดยสามารถทำได้ด้วยการใช้ข้อมูลเชิงลึกจาก Instagram Insights เพื่อดูว่าผู้ติดตามของคุณออนไลน์เมื่อใด และทดลองโพสต์ในช่วงเวลาต่าง ๆ และติดตามผล นอกจากเวลาในการโพสต์แล้ว ความถี่ก็มีความสำคัญ แบรนด์ที่โพสต์ Reels อย่างน้อย 4-5 ครั้งต่อสัปดาห์มักจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีกว่าในแง่ของการเติบโตของผู้ติดตามและการมีส่วนร่วม
สรุป
Instagram Reels และ Stories เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับการสร้างแบรนด์และการตลาดบนโซเชียลมีเดีย โดยแต่ละรูปแบบมีจุดแข็งและวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน ซึ่งการใช้ทั้งสองอย่างมีกลยุทธ์จะช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างการมีส่วนร่วมที่หลากหลายกับกลุ่มเป้าหมาย เพิ่มการมองเห็น และสร้างชุมชนที่แข็งแกร่งบน Instagram ได้
ความสำเร็จบน Instagram ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการใช้ฟีเจอร์ใดฟีเจอร์หนึ่งเท่านั้น แต่อยู่ที่การผสมผสานเครื่องมือต่างๆ อย่างชาญฉลาดเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ครบถ้วนสำหรับผู้ติดตามของคุณ เริ่มทดลองใช้ Reels และ Stories วันนี้ และค้นพบวิธีที่พวกเขาสามารถช่วยยกระดับการทำการตลาดบน Instagram ของคุณได้
หากคุณเป็นครีเอเตอร์ นักธุรกิจ หรือแบรนด์ที่ต้องการสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ การออกแบบเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพและสามารถดึงดูดลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ หากคุณต้องการเว็บไซต์ที่สวยงาม ใช้งานง่าย และเป็นมิตรกับ SEO สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของ Yes Web Design Studio ได้เลย เราเป็นบริษัทเว็บดีไซน์แนวหน้าในไทย ที่รับทำเว็บไซต์ครบวงจร รวมถึง SEO และการตลาดออนไลน์ เพื่อช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Yes Web Design Studio
Tel. : 096-879-5445
LINE : @yeswebdesign
E-mail : [email protected]
Address : ชั้น 17 อาคารวิทยกิตติ์ ถนนพญาไท วังใหม่ ปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 (สถานี BTS สยาม)