ลองคิดเล่นๆดูครับ ถ้าในแต่ละหน้าของบทความสามารถนำผู้อ่านของคุณไปสู่การขายที่สามารถสร้างฐานลูกค้าใหม่ๆได้ด้วยการเขียนบทความ หรือสามารถโน้มน้าวให้ผู้อ่านเลือกที่จะทำธุรกิจหรือซื้อของบนเว็บไซต์ของคุณได้ มันจะทำให้เว็บไซต์และธุรกิจของคุณเติบโตได้แค่ไหน ไปดูกันเลยครับ!!
เคยสงสัยไหมครับว่า “ ทำไมเว็บไซต์มีดีไซน์แต่ละหน้าไม่เหมือนกัน ”
นี่อาจจะเป็นข้อสงสัยสำหรับหลายๆคนที่กำลังหาคำตอบ
การออกแบบเว็บไซต์ในแต่ละหน้านั้น มีจุดประสงค์ที่ต่างกัน เราไม่จำเป็นที่ต้องเปลี่ยนแปลงในทุกๆหน้า ซึ่งเป้าหมายที่ของแต่ะหน้าทีเราต้องการจะนำเสนอ มีตามตัวอย่างต่อไปนี้
- นำเสนอบุคคลสำคัญ (พนักงานและหัวหน้า)
- นิยามแบรนด์ของคุณ (วัฒนธรรมและความเชื่อ)
- อธิบายถึงระบบและกระบวนการที่มีความเป็นเอกลักษณ์ของบริษัท
- ดึงดูดคนผู้คนผ่านการค้นหาเว็บไซต์
- การให้ความรู้เกี่ยวกับหัวข้อที่สำคัญโดยละเอียด
- อื่นๆ
โดยส่วนใหญ่หน้าเพจที่กล่าวถึงเป้าหมายไม่ได้ทำให้ผู้ชมของคุณเปลี่ยนแปลง แต่ว่าหน้าเพจเหล่านี้สนับสนุนให้กลุ่มเป้าหมายเพิ่มการเปลี่ยนแปลง
ในทำนองเดียวกัน ในแต่ละหน้านั้นไม่มีความเกี่ยวข้องกัน และไม่จำเป็นที่ต้องเกี่ยวข้องกันด้วย
ซึ่งในแต่ละบทความจะแทรกลิงก์ไว้ตามคีย์เวิร์ดต่างๆ และแน่นอนว่าการแทรกลิงก์ในจำนวนที่เหมาะสมเป็นผลดีกับลำดับในการค้นหาใน google อย่างไรก็ตาม คุณอาจจะต้องมีการใช้ความคิดสร้างสรรค์นิดหน่อยในการฝังลิงก์สำหรับหน้าบทความของแต่ละบทความ โดยการใส่ข้อมูลที่มีความเกี่ยวข้องกันรวมถึงลิงก์ภายใน
ซึ่งในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกระบวนการต่างๆในการหาหัวข้อที่เกี่ยวข้องกัน, การสร้างหน้าที่เชื่อมกับลิงก์ และการเพิ่มประสิทธิภาพภายในลิงก์ รวมถึงการโปรโมทหน้าให้คนอื่นได้เห็นมากขึ้น
เริ่มกันได้เลย!
การสร้างการรับรู้ของแบรนด์
โดยอันดับแรก และเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด คือการดูว่าเนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์ตรงกับหัวข้อและหาจุดที่สามารถดึงดูดให้ผู้อ่านได้หรือไม่ เพราะขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญและควรใช้เวลาทุ่มเทในการโปรโมท เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่เราทำนั้นจะเป็นไปตามแบบแผนที่เรานั้นกำหนดไว้
ขั้นตอนแรกคือ การดูคู่แข่งของเราว่าใครที่อยู่อันดับต้นๆ แล้วเขาทำหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับเรื่องอะไร?
ในการดูคู่แข่งของเรานั้นมีหลายสิ่งที่คุณต้องรวบรวม เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับคู่แข่ง และวิธีการรับลิงก์ หากคู่แข่งมีมีลิงก์มากกว่า 100 ลิงก์และไม่ได้ระบุหัวข้อนั้นบนเว็บไซต์อย่างชัด ซึ่งนั่นก็น่าจะเป็นหัวข้อที่ควรครอบคลุมเนื่องจากเราสามารถรู้ได้ว่า มันเป็นหัวข้อที่สามารถเชื่อมโยงกันได้ จากนั้นเราทำการสรุปออกมาเป็นข้อๆว่ามีหัวข้อไหนบ้าง แล้วเก็บข้อมูลของการเชื่อมโยงเหล่านี้ไว้ด้วยเช่นกัน
ในความเป็นจริงแม้แต่บางหน้าเว็บที่ไม่ค่อยมี Backlink มากเท่าไหร่ โดยอาจจะเป็นหัวข้อที่ลิงก์ได้ แต่คู่แข่งของคุณอาจล้มเหลวในการโปรโมทหน้าเว็บเหล่านั้นอย่างถูกต้อง สำรวจ SERP สำหรับหน้าเว็บเหล่านี้และคียเวิร์ดที่เกี่ยวข้องเพื่อดูว่าคำแนะนำการจัดอันดับมีโดเมนอ้างอิงจำนวนมากหรือไม่ เพียงเพราะคู่แข่งของคุณพลาดโอกาสนี้ไม่ทำให้โอกาสน้อยลง
โดยกุญแจสำคัญคือการจับตาดูหัวข้อหรือผู้ชมที่มีการพิสูจน์แล้วว่าเป็นลิงก์หัวข้อหลัก แล้วระดมสมองวิธีปรับเปลี่ยนหัวข้อนั้นให้สอดคล้องกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณอย่างเป็นธรรมชาติ สิ่งสำคัญคือคุณต้องค้นหาหัวข้อที่สอดคล้องกับความเชี่ยวชาญของแบรนด์ของคุณเช่นกัน – ผู้ชมจะไว้วางใจคำแนะนำของคุณในหัวข้อนี้หรือไม่?
ความน่าเชื่อถือเป็นส่วนสำคัญของลิงก์หัวข้อหลักและคุณต้องการครอบคลุมหัวข้อที่คุณสามารถพิจารณาได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ
การดำเนินการ และ การโปรโมท
หลังจากที่คุณได้ไอเดียแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการทำหน้าเว็บไซต์
หากคุณได้ทำการค้นคว้าล่วงหน้าแล้ว กระบวนการนี้ควรเป็นไปอย่างตรงไปตรงมาเนื่องจาก คุณมีพิมพ์เขียวสำหรับหน้าเว็บที่ประสบความสำเร็จแล้ว (และไม่ว่าจะมาจากคู่แข่งหรือคู่มืออื่นๆที่เชื่อถือได้) ในการทำคู่มือในส่วนต่างๆเพื่อจัดการหัวข้อย่อยแต่ละหัวข้อ ให้เป็นหัวข้อและหัวข้อของตัวเองทำให้ผู้อ่านเข้าใจถึงข้อมูลส่วนที่สำคัญที่สุดได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ หากคุณรวมลิงก์ที่เป็นการเปิดโอกาสให้คุณมีโอกาสมากขึ้นในการเชื่อมโยง เพราะคุณสามารถเลือกหัวข้อเฉพาะของคู่มือที่เกี่ยวข้องกับไฮเปอร์ลิงก์ที่เป็นพันธมิตรกับเราได้
ส่วนที่สำคัญที่สุดของขั้นตอนนี้คือการเชื่อมไปยังหน้าการแปลงได้อย่างเป็นธรรมชาติและหน้าคู่มือของคุณผ่านลิงก์ภายใน การเน้นควรอยู่ที่ “การเชื่อมโยงอย่างเป็นธรรมชาติ” คุณต้องการให้ลิงก์ภายในของคุณเหมาะสมและสอดคล้องกับหัวข้อที่ครอบคลุม
“ลิงก์ภายใน หรือ Internal Link คือ ลิงก์ที่อยู่ภายในเว็บไซต์ของเรา มีหน้าที่เชื่อมโยงลิงก์ไปยังหน้าเพจต่างๆ เป็นการสร้าง Traffic ภายในเว็บไซต์ ทำให้คนที่เข้ามาชมเว็บไซต์ อยู่ในเว็บไซต์ของเราได้นานขึ้น และทำให้ Google มองว่า คอนเทนต์ของเรามีคุณภาพ เป็นเว็บไซต์มีความน่าสนใจ มีความเกี่ยวข้องกันของเนื้อหาในแต่ละหน้าเพจ และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ชมเว็บไซต์”
การสร้างลิงก์ภายในเหล่านี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญเนื่องจากลิงก์เหล่านี้จะนำทั้งผู้เข้าชมและลิงก์ไปยังหน้าการแปลงของคุณซึ่งจะช่วยให้พวกเขาอยู่ในอันดับที่ดีขึ้นในการค้นหาทั่วไป
โปรโมชันควรมีความชัดเจนเช่นกัน เนื่องจากคุณควรมีรายชื่อผู้มีโอกาสเป็นลิงก์จากขั้นตอนการพัฒนา (เว็บไซต์ที่เชื่อมโยงไปยังหน้าเว็บที่คุณได้รับแรงบันดาลใจมา) การสร้างเว็บไซต์นั้นง่ายกว่ามากเมื่อคุณระบุผู้เข้าชมที่มีศักยภาพในการเชื่อมโยงก่อนที่จะสร้างเนื้อหาจากนั้นออกแบบเนื้อหานั้นเพื่อให้บริการผู้ชมที่เชื่อมโยง สิ่งที่เหลืออยู่ที่ต้องทำคือเข้าถึงเว็บไซต์ที่เหมาะสม
การพัฒนาอันดับของคีย์เวิร์ด
เนื่องจากหน้าเป้าหมายของลูกค้าไม่สามารถเชื่อมโยงได้ทั้งหมด เราจึงสร้างแนวทางสำหรับการช็อปปิ้งออนไลน์ที่ปลอดภัยซึ่งจะดึงดูดผู้ชมในวงกว้าง แต่มีความเกี่ยวข้องและเชื่อมโยงไปยังหน้าเป้าหมายด้วยลิงก์ภายใน กลยุทธ์จ่ายออกเมื่อทรัพยากรได้รับลิงก์ที่เกี่ยวข้องอย่างรวดเร็ว (มากกว่า 10 ในช่วงสองเดือนแรก) และเริ่มมีอิทธิพลต่ออันดับของหน้าการแปลงของลูกค้า
โดยเพียงแค่สามเดือน ลูกค้าได้เห็นถึงความเคลื่อนไหวของคีย์เวิร์ดจากเว็บไซต์พวกเค้า
โดยเป็น
- คีย์เวิร์ดหลัก (มีการแข่งขันสูง): มีตำแหน่งเดียว (อยู่ที่หน้าแรก)
- คีย์เวิร์ดรอง: มีมากสุด 24 ตำแหน่ง (จากหน้าที่สี่ไปยังหน้าที่สอง)
- คีย์เวิร์ดขั้นที่สาม: มีมากสุด 11 ตำแหน่ง (จากหน้าที่สองไปยังหน้าแรก)
คำเหล่านี้เป็นคียเวิร์ดที่มุ่งเน้นการแปลงที่นำไปสู่รายได้ที่เพิ่มขึ้นโดยตรงและกำไรประเภทนี้จะไม่ได้เกิดได้เลยหากไม่มีส่วนของลิงก์ที่ได้รับจากข้อมูลที่เราสร้างและได้รวบรวมมา
สรุปแล้ว การดึงคนเข้ามาในเว็บไซต์ด้วยลิงก์ที่เป็นส่วนแรกที่ทำให้เกิดลูกค้า ที่เป็นการสร้างความสนใจต่อกลุ่มเป้าหมาย เพื่อเปลี่ยนจากผู้สนใจกลายเป็นลูกค้า จึงถือได้ว่าการเขียนคอนเทนต์เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้กลุ่มเป้าหมายของเราพบเราได้ง่ายขึ้น
อ่านบทความ วิธีออกแบบเว็บไซต์ให้ดูแพง
เว็บไซต์สำหรับบริษัทรับเหมาก่อสร้าง
บทความโดย – Yes Web Design Studio
บริการออกแบบเว็บไซต์ในกรุงเทพฯ – นักออกแบบเว็บไซต์ในประเทศไทย – ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบเว็บไซต์
ต้องที่นี่เท่านั้น Yes Web Design Studio